สนามราชมังฯ น้ำท่วมบอลเตะไม่ได้ ใครรับผิดชอบ?

07-23-2023
1นาทีที่อ่าน
Getty Images

แฟนบอลชาวไทยที่ลงทุนเดินทางมาชมนักเตะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ดวลแข้งกับ เลสเตอร์ ซิตี้ มีอันต้องผิดหวังเดินทางกลับบ้านทั้งที่นั่งอยู่ในสนามแล้วเนื่องจากสภาพอากาศที่ฝนตกอย่างหนักหน่วงจนน้ำท่วมขังพื้นหญ้าซึ่งแย่เกินกว่านักเตะระดับ พรีเมียร์ลีก จะทำการแข่งขันได้

ความหวังทุกอย่างพังลง นักเตะทั้งสองทีมเก็บกระเป๋าเดินทางไปอุ่นเครื่องต่อที่สิงคโปร์ปล่อยให้แฟนบอลชาวไทยน้ำตาซึมเพียงแค่เพราะฝนตกจนน้ำท่วมสนามแต่ทว่าถ้าหากสนามได้รับการพัฒนาเรื่องการระบายน้ำที่ดีกว่านี้ก็คงไม่มีเหตุการณ์ที่ว่ามาข้างต้น และเราก็จะได้เห็น แฮร์รี่ เคน กับ เจมี่ วาร์ดี้ ยิงประตูกันท่ามกลางสายฝนโดยน้ำไม่ท่วมสนาม

และถ้าหากจะต้องปรับปรุงส่วนนี้เราจะต้องเริ่มจากตรงไหนก่อน คำตอบก็อยู่ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ผู้เป็นเจ้าของสนามราชมังฯ ว่าจะทำอย่างไรและจะทำตอนไหน...

ร่วมสมัครเล่นเกมลุ้นรับเงินปลอบใจยกเลิกเกม สเปอร์ส-เลสเตอร์ ได้ที่นี่

สำหรับสนามฟุตบอลในย่านอาเซียนที่มีระบบระบายน้ำซ่อนอยู่ด้านใต้พื้นหญ้ามีเพียงไม่กี่สนามเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น สนามช้าง อารีน่า บุรีรัมย์, สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์, สนามกีฬาแห่งชาติอินโดนีเซีย และ สนามเกโรลา บุง การ์โน เป็นต้น ซึ่งการจะวางระบบระบายน้ำใต้พื้นหญ้านั้นใช้งบประมาณค่อนข้างสูงหลายล้านดอลลาร์ อันเนื่องมาจากโครงสร้างที่ต้องฝังลักกี้ไฟเบอร์แซนซึ่งเป็นวัสดุใยสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติในการช่วยระบายน้ำไม่ให้เกิดน้ำขังบนผิวสนาม สามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็วภายใน 15-30 นาที ไม่ว่าฟ้าฝนจะตกหนักขนาดไหน 

ย้อนกลับมามองที่ราชมังฯ แล้วทำไม กกท. ที่ฟันเงินมหาศาลจากการเปิดสนามเช่าจัดคอนเสิร์ตมาตลอด 5 ปีเต็ม ถึงไม่นำเงินส่วนนี้มาพัฒนาทั้งที่สนามมีค่าเช่าถึง 3 แสนบาทต่ออีเวนต์แถมนับตั้งแต่ปี 2018 ก็มีคอนเสิร์ตจัดมากกว่าแข่งฟุตบอล (มีจัดคอนเสิร์ต 12 ครั้ง) 

คำตอบก็คือเมื่อตัดสินใจลงทุนพัฒนาระบบระบายน้ำและพื้นหญ้าเรียบร้อยแล้ว กกท. ก็ต้องทุ่มงบมาจัดสรรขั้นตอนบำรุงรักษาตลอดปีแม้ว่าจะไม่มีอีเวนต์ใด ๆ ซึ่งตรงนี้ทาง กกท. มองว่าอาจไม่คุ้มเพราะเดิมทีก็ไม่ใช่องค์กรทำเงินมากมายแถมยังต้องไปเบิกงบจากรัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง สรุปง่าย ๆ คือพวกเขาเกรงว่าจะต้องเสียเงินจำนวนมากทั้งที่องค์กรเองก็มีเงินในคลังแค่น้อยนิดไปบำรุงรักษาในช่วงที่ไม่มีรายได้จากอีเวนต์อื่น ๆ นอกจากการแข่งขันกีฬา

แล้วจากนั้นก็จะมีคำถามตามมาว่าแล้วหญ้าที่ใช้จัดแข่งอุ่นเครื่อง แมนยู-ลิเวอร์พูล สุดสวยงามเมื่อปีก่อนหายไปไหนล่ะ? คำตอบก็คือหญ้าเหล่านั้นนำเข้าโดยผู้จัดการแข่งขันแมตช์ดังกล่าวซึ่งเช่าสนามราชมังฯ มาจาก กกท. อีกทอดหนึ่งซึ่งทางบริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล ผู้รับผิดชอบโครงการได้ยื่นหนังสือไปยัง กกท. ว่าจะขอปรับปรุงสนามซึ่งก็ได้รับการอนุญาตมา

แต่หลังจากจบแมตช์อุ่นเครื่อง แมนยู-ลิเวอร์พูล พร้อมกับหมดสัญญาเช่าสนาม บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล ก็ต้องส่งคืนสนามให้ กกท. ไปดูแลต่อซึ่งอาจเป็นตลกร้ายก็ว่าได้เพราะพวกเขาเลือกรับแต่งานจัดคอนเสิร์ตและอีเวนต์ต่าง ๆ จนละเลยดูแลบำรุงสนามที่บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล เคยทำไว้ อีกทั้งการตกปากรับจัดแต่คอนเสิร์ตก็ทำให้ละเลยฟุตบอลทีมชาติไทยจนพลาดลงเตะที่ราชมังฯ หลายหน

ทั้งนี้ ตัวศิลปินที่มาจัดคอนเสิร์ต ณ ราชมังฯ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ยกอย่างเช่น Bodyslam, BTS, Ed Sheeran, Maroon 5 และ Blackpink ก็ไม่สามารถไปโทษพวกเขาได้เพราะไม่มีใครรู้ความลับอันดำมืดของสนามที่ กกท. ซุกไว้ใต้พรม โดยเหล่าศิลปินมีหน้าที่แค่ร้องเพลงจบแล้วก็รับเงิน จากนั้นก็ออกไปทัวร์คอนเสิร์ตที่อื่นต่อ โดยไม่จำเป็นต้องมาสงสารหรืออาวรณ์ต่อสนามที่พวกเขาใช้งานสักนิด

ขณะเดียวกันแฟนบอลที่เอาแต่โทษสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ก็ต้องทำความเข้าใจเสียใหม่เพราะทางองค์กรไม่มีสนามเป็นของตัวเอง ซึ่งพวกเขาไม่มีสิทธิไปก้าวก่ายราชมังฯ ที่มี กกท. เป็นเจ้าของ และหากยังดื้อดึงย้อนถามว่าทำไมสมาคมฯ ไม่สร้างสนามเองคำตอบนี้เราอยากให้ย้อนกลับไปดูรายได้ของสมาคมที่ทุกวันนี้แค่เงินลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดยังไม่มีปัญญาจ่ายเลย

ดังนั้น หากแฟนบอลคนไหนอยากทราบว่าใครต้องเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ คำตอบนั้นเราเล่ามาหมดแล้วล่ะ...