อาร์เจนตินา พบ ฝรั่งเศส : วิเคราะห์นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกใครคว้าแชมป์?

12-18-2022
2นาทีที่อ่าน

การแข่งขันอย่างดุเดือดที่กาตาร์ในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก 2022 กำลังจะจบลงแล้ว เกมนัดชิงชนะเลิศอยู่อีกเพียงไม่กี่อึดใจข้างหน้า ฝั่งหนึ่งคือทีมชาติอาร์เจนติน่าที่นำโดยลิโอเนล เมสซี่ หนึ่งในสุดยอดนักเตะตลอดกาล และจะเป็นเบอร์หนึ่งของยุคสมัยหากคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ 

ส่วนอีกฝั่งหนึ่งคือทีมชาติฝรั่งเศสที่นำโดยคิลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่แม้ว่าเขาจะพาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกไปแล้วในฟุตบอลโลกคราวก่อน แต่ถ้าทำได้อีกในครั้งนี้มันจะยิ่งน่ามหัศจรรย์ เพราะนั่นจะทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็นทีมแรกในรอบ 60 ปีที่สามารถป้องกันแชมป์โลกได้ 

คำถามก็คือแล้วใครละมีโอกาสในการคว้าแชมป์มากกว่ากัน ? 

แชมป์เก่าที่ยอดเยี่ยม

ตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เราได้พบเจอกับอาถรรพ์ของแชมป์ฟุตบอลโลกมาเสมอ เพราะใครก็ตามที่เป็นแชมป์โลก พวกเขามักทำผลง่านได้อย่างย่ำแย่ในฟุตบอลโลกหนถัดมา ก่อนจะต้องกลับบ้านไปโดยไม่มีโอกาสใกล้เคียงกับการป้องกันแชมป์

แต่ทีมชาติฝรั่งเศสในฟุตบอลโลก 2022 กลับมีชะตากรรมที่ต่างออกไป พวกเขาเป็นทีมแรกนับตั้งแต่ทีมชาติบราซิลในปี 1998 ซึ่งเป็นแชมป์เก่า และมีโอกาสกลับมาป้องกันแชมป์อีกครั้ง เนื่องจากผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกครั้งต่อมา

การทำลายอาถรรพ์แชมป์เก่าที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน คือตัวอย่างชั้นดีที่แสดงให้เห็นว่าทีมชาติฝรั่งเศสแข็งแกร่งมากแค่ไหนในทัวร์นาเมนต์ที่กาตาร์ โดยทีมชาติฝรั่งเศสชุดนี้คือทีมที่มีดีพร้อมแทบทุกอย่าง

แนวรุกของพวกเขาที่นำโดย คิลิยัน เอ็มบัปเป้ พร้อมด้วยผู้เล่นแนวรุกที่มีคุณภาพ ถือเป็นหมัดเด็ที่ทำให้ทัพตราไก่ก้าวมาไกลถึงจุดนี้ แต่เมื่อเราพูดถึงการสร้างทีมที่มีคุณภาพไม่แพ้กับการแข่งขันเมื่อ 4 ปีก่อน 

Getty Images

การเลือกคู่กองกลางชุดใหม่อย่าง ออเรลิยอง ชูอาเมนี่ และอาเดรียง ราบิโอต์ รวมถึงการสั่งให้แนวรุกตัวหลักของทีม อ็องตวน กรีซมันน์ ต้องลงมาเล่นเกมรับ แถมยังทำหน้าที่แตกตต่างออกไปจากเดิมมาก ถือเป็นเครดิตของดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ที่ช่วยแก้ไขปัญหาของทีมได้เป็นอย่างดี  

ส่วนแผงเกมรับของทีมชาติฝรั่งเศสต้องบอกว่ามีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ราฟาเอล วาราน ที่เคยคว้าแชมป์โลกกับทีมมาแล้ว กลายเป็นผู้นำแผงหลังที่คอยช่วยประคองแข้งหน้าใหม่อีกสามคน คือ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ชุลส์ คุนเด้ และเตโอ เอร์นานเดซ 

นี่จึงทำให้แนวรับของฝรั่งเศสมีความมั่นใจในการเล่น จนกลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พวกเขามีบทบาททั้งเกมรุกและเกมรับได้ นี่คือทีมที่ใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบและหากจะมีทีมไหนมีโอกาสที่จะป้องกันแชมป์โลกได้มากที่สุด ทีมชาติฝรั่งเศสชุดนี้ถือเป็นทีมที่มีความพร้อมทุกอย่างในการก้าวไปสู่จุดนั้น 

ฟ้า-ขาวล้างตา

หากย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ทีมชาติอาร์เจนติน่า และลิโอเนล เมสซี่ เคยเกือบก้าวไปคว้าแชมป์โลกโดยห่าเพียงเอื้อมมือ ก่อนจะแพ้ให้กับทีมชาติเยอรมันในฟุตบอลโลก 2014 อย่างน่าเสียดาย 

(Getty Images)

แต่ถึงอย่างนั้น ทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดนี้แตกต่างออกไปจากการเข้าชิงครั้งก่อน เริ่มจากความมั่นใจผ่านการคว้าแชมป์โคปาอเมริกาเมื่อปีก่อน รวมถึงอีกหนึ่งสุดยอดลิโอเนลที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งกับทีม 

Scroll to Continue with Content

นั่นคือ ลิโอเนล สคาโลนี่ ผู้จัดการทีมชาติอาร์เจนติน่า ที่สามารถสร้างแทคติกจนยกระดับทีมได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แม้คุณภาพนักเตะของพวกเขาจะเป็นรองอีกหลายชาติ

แน่นอนว่าเครดิตส่วนใหญ่ยังเป็นของ ลิโอเนล เมสซี่ ที่มักสร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับทีมอยู่เสมอ แต่เช่นกันกับวิธีการเล่นที่น่าสนใจโดยสคาโลนี่ไม่สามารถมองข้ามได้เช่นกัน เขาเป็นถือผู้จัดการทีมที่มีแผนการในใจอยู่เสมอ แต่เมื่อทีมชาติอาร์เจนติน่าต้องพบเจอกับปัญหา สโคลานี่ใจกล้าพอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงกับระบบการเล่น เพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์เหล่านั้นได้เสมอ โดยในการดวลกับเนเธอร์แลนด์ เขายอมเปลี่ยนมาเล่นเป็นแผนที่ใช้กองหลัง 3 คน เพื่อชนกับแผนเนเธอร์แลนด์ ก่อนผ่านเข้ารอบมาได้ 

เช่นเดียวกันกับการดวลโครเอเชียในรอบรองชนะเลิศ เขาเองก็รู้ว่าคุณภาพแดนกลางสู้ไม่ได้ สโคลานี่จึงยอมเปลี่ยนมาใช้แผนที่ใช้กองกลาง 4 คน เพื่อพยายามควบคุมพื้นที่ตรงนี้เอาไว้ ซึ่งเขาทำมันได้สำเร็จ

การพัฒนาทีมชุดนี้ของอาร์เจนติจึงน่าถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาไม่ได้พึ่งเพียงเมสซี่คนเดียวอีกต่อไป เนื่องจากทุกฝ่ายมีส่วนในการพาทีมมาได้ไกลถึงนัดชิงชนะเลิศ 

เมื่อผู้เล่นทุกคนพร้อมสู้สุดใจเพื่อทั้งตัวเอง ทีมชาติอาร์เจนติน่า และลิโอเนล เมสซี่ จึงกลายเป็นคอมโบที่ไม่มีวันแพ้พ่าย และพวกเขามีโอกาสสูงมากที่จะคว้าแชมป์โลกได้ในคราวนี้

เมสซี่ vs เอ็มบัปเป้

เมื่อพูดถึงนักเตะยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกครั้งนี้ ผู้คนคงจะถกเถียงถึงชื่อของลิโอเนล เมสซี่ หรือคิลิยัน เอ็มบัปเป้ เพราะทั้งคู่ต่างเป็นนักเตะคนสำคัญของทีม และเป็นเหตุผลหลักในการทำประตูเพื่อลงโทษคู่ต่อสู้

Getty Images

เราได้เห็นตัวอย่างกันไปแล้วมากมายตั้งแต่รอบก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น เมสซี่ที่ลากบอลพา ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ทัวร์จนหัวหมุนก่อนจ่ายบอลให้ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ทำประตูในเกมรอบรองชนะเลิศที่อาร์เจนตินาชนะโครเอเชีย 3-0 

หรือฝั่งเอ็มบัปเป้ก็ฝ่าแนวรับโมร็อกโกที่เหนียวแน่น จนเป็นคนสร้างโอกาสให้แรนดัล โคโล่ มูอานี่ ยิงประตู ในเกมที่ฝรั่งเศสเอาชนะโมร็อกโก 2-0 นี่คือความเหนือชั้นของทั้งคู่ที่เปลี่ยนจากจังหวะไม่มีอะไรให้กลายเป็นประตูปิดเกมได้อย่างน่าเหลือเชื่อ 

นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเมสซี่ และเอ็มบัปเป้จะสร้างความมหัศจรรย์อีกครั้งในเกมชิงชนะเลิศ นี่จึงเป็นเกมที่ผู้คนทั่วโลกตั้งตารอ เพราะโอกาสที่สุดยอดนักเตะทั้งสองรายจะคว้าแชมป์โลกมีใกล้เคียงกันจริง ๆ

การดวลกันของอาร์เจนติน่าที่นำโดยเมสซี่ นักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในช่วง 20 ปีหลังสุด เจอกับฝรั่งเศสที่นำโดยเอ็มบัปเป้ แข้งผู้เป็นนักเตะที่พร้อมจะก้าวไปอีกขั้น หากสามารถคว้าแชมป์โลกสองสมัยติดต่อกัน 

ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะ นี่คือประวัติศาสตร์ใหม่ ทุกเรื่องราวถือว่าน่าสนใจของวงการฟุตบอล เชื่อได้เลยว่าหากทั้ง 2 ทีมงัดฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดออกมา พวกเขาต่างคู่ควรที่จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกไปได้ในคราวนี้

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก