เปิดประวัติ สรานนท์ อนุอินทร์ : ผู้รักษาประตูฮีโร่ ผู้เซฟให้ไทยรอดพ้นความพ่ายแพ้จากซาอุฯ

01-26-2024
3นาทีที่อ่าน
Getty Images

ในวงการฟุตบอลไทยตอนนี้ เชื่อว่าชื่อนักเตะที่ทุกคนกำลังพูดถึงและกล่าวชื่นชมกันอยู่ คนจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก สรานนท์ อนุอินทร์ ผู้รักษาประตูร่างสูงยาวของทีมชาติไทย

เนื่องจากในเกมเอเชียนคัพ 2023 รอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 3 ที่พบกับซาอุดิอาระเบีย เจ้าตัวทำไป 7 เซฟ, 1 เซฟจุดโทษ และทำให้ทีมชาติไทยเก็บสถิติคลีนชีทในเกมนี้และรอบแบ่งกลุ่มทั้ง 3 นัด

แน่นอนว่าแฟน ๆ ชาวไทย อาจจะไม่ค่อยได้เห็นเขากับทัพช้างศึกบ่อยครั้งนัก เพราะเกมดังกล่าวคือเกมแรกที่เขาลงเฝ้าเสาในนามทีมชาติ

ดังนั้น ทาง The Sporting News ขอพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับมือกาววัย 29 ปีอย่าง สรานนท์ ให้มากขึ้น เขาเป็นใครมากจากไหน? ตามอ่านต่อแบบเต็ม ๆ ได้ที่นี่เลย

ประวัติส่วนตัวของ สรานนท์ อนุอินทร์

ชื่อเต็ม : สรานนท์ อนุอินทร์

ชื่อเล่น : โอ

วันเกิด : 24 มีนาคม 1994

อายุ : 29 ปี

น้ำหนัก : 70 กิโลกรัม

ส่วนสูง : 187 เซนติเมตร

ทีมที่เล่น : เชียงราย ยูไนเต็ด

เส้นทางลูกหนังของ สรานนท์ อนุอินทร์

สรานนท์ ที่เป็นคนจังหวัดขอนแก่น เขาเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งด้วยส่วนสูงของเขาที่สูงเกินเพื่อนไปมาก ทำเจ้าตัวได้มาเล่นกีฬานี้ในตำแหน่งผู้รักษาประตู

เจ้าตัวก็เริ่มเล่นฟุตบอลมาเรื่อย ๆ และได้เติบโตพร้อมกับเก็บเกี่ยวประสบการณ์ลูกหนังในช่วงวัยรุ่นด้วยการแข่งขันที่เป็นเหมือนรากของฟุตบอลไทยอย่างฟุตบอลเดินสาย

จนกระทั่งในปี 2015 สรานนท์ ที่ทำผลงานได้น่าสนใจจากฟุตบอลเดินสาย เขาได้มีโอกาสย้ายมาเล่นให้กับทีม นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ในชุดเยาวชน และมีโอกาสได้ขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่แต่เจ้าตัว ก็ต้องนั่งสำรองอยู่ข้างสนามอยู่เป็นเวลา 2 ฤดูกาล ก่อนที่จะได้รับโอกาสลงสนามเกมแรกในปี 2017 ซึ่งรวมทั้งหมดแล้วเขาลงเฝ้าเสาให้สวาทแคทไป 15 นัด

ก่อนที่ในปี 2018 เจ้าโอ จะได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ด้วยการเซ็นสัญญากับทีมแกร่งอย่าง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ในเวลานั้น จนมาถึงปัจจุบัน เขาก็ยังอยู่ที่สโมสรแห่งเดิม โดยที่ลงเล่นไปแล้ว 75 นัด พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีก 1 สมัย, ลีกคัพ 2 สมัย และ เอฟเอคัพ 1 สมัย

ติดทีมชาติครั้งแรก

ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขากับ เชียงราย ทำให้เด็กหนุ่มจากขอนแก่นได้รับโอกาสติดทีมชาติครั้งแรกในรายการ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ในปี 2018 ในยุคของ มิโลวาน ราเยวัช แต่ในปีนั้น เขาไม่ได้รับโอกาสลงเฝ้าเสาเลยสักเกมเดียว

Scroll to Continue with Content

ในขณะที่เอเชียนคัพปี 2019 และ อาเซียนคัพ ปี 2022 สรานนท์ ที่มีชื่อติดทีมชาติไทย ก็ยังไม่เคยได้รับโอกาสลงสนามแม้แต่เกมเดียว

โอกาสสำคัญ

แม้ว่าจะมีชื่อติดทีมชาติ แต่การที่ไม่ได้รับโอกาสลงเล่นเลยสักเกมเดียว ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากสำหรับ สรานนท์ อยู่เหมือนกัน เพราะต้องยอมรับตามตรงว่า ตำแหน่งผู้รักษาประตูของประเทศไทยนั้นมีการแข่งขันกันสูงมาก ๆ เนื่องจากมีนายด่านมากฝีมืออยู่ค่อนข้างเยอะ

อย่างไรก็ดี ความพยายาม ไม่เคยทำร้ายใคร ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน สรานนท์ ได้โอกาสติดทีมชาติชุดใหญ่อีกครั้งในศึก เอเชียนคัพ 2023 ที่ประเทศกาตาร์ ในยุคกุนซือคนใหม่อย่าง มาซาทาดะ อิชิอิ

2 เกมแรก สรานนท์ ไม่ได้รับโอกาสลงเล่นเลยสักเกมเดียว ก่อนที่ในเกมที่ 3 กับซาอุดิอาระเบีย เขาจะได้รับโอกาสลงเฝ้าเสาเป็นเกมแรกของเขาในนามทีมชาติ

ซึ่งผลงานของเขานั้นปรากฎว่ายอดเยี่ยมไร้ที่ติ สรานนท์ จัดไป 7 เซฟสวย ๆ พร้อมกับอีก 1 เซฟจุดโทษ ช่วยให้ทีมชาติไทยสามารถยันเสมอกับ ซาอุดิอาระเบีย ยอดทีมจากเอเชียได้ 0-0

จากผลงานของ สรานนท์ ทำให้ทีมชาติไทยเข้ารอบน็อคเอาท์ในเอเชียนคัพหนนี้ด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่ม F มีอยู่ 5 คะแนน ชนะ 1 เสมอ 2 และที่สำคัญมากที่สุดคือพวกเขาเก็บคลีนชีทได้ทุกนัด

MVP

หลังจบเกมที่เสมอกับ ซาอุดิอาระเบีย สรานนท์ ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมหรือว่า MVP อย่างไม่ต้องสงสัย แถมยังได้ถูกคัดเลือกจาก AFC ให้ติดทีมยอดเยี่ยมประจำเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 3 ของเอเชียนคัพหนนี้ด้วย

ทำลายสถิติ

นอกจากที่ สรานนท์ จะพาทีมชาติไทยเก็บคลีนชีทได้ในเกมกับซาอุดิอาระเบียและรวมทั้งหมด 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่มแล้ว เขายังได้ทำสถิติที่น่าสนใจเอาไว้ด้วย

OptaChai ได้เปิดเผยว่า การเซฟจุดโทษของ สรานนท์ ในช่วงครึ่งแรกของเขากับซาอุดิอาระเบีย ทำให้เขาเป็นผู้รักษาประตูทีมชาติไทยคนแรก ที่สามารถเซฟลูกจุดโทษได้ในการแข่งขันเอเชียนคัพ

หลังก่อนหน้านี้ ทีมชาติไทย เสียลูกจุดโทษ 2 ครั้งในปี 2019 และเป็นการเสียประตูทั้งหมดทั้ง 2 ครั้ง

ลุ้นรางวัลใหญ่ เชียร์ทีมชาติไทยถึงเกาหลีใต้

ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด

ร่วมลุ้นโชคฟรีพร้อมโบนัส

ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา

Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand