เชื่อได้เลยว่าในชีวิตของใครหลายคน จะต้องเจอคนบางคนที่มักหาเหตุผลมาด่าเราได้เสมอ ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม
คนพวกนี้น่ารําคาญสุด ๆ ในชีวิตของเรา พูดมากปากดีไปเรื่อย สร้างแต่เรื่องแย่ ๆ ให้กับเรา คนแบบนี้บางทีเปลี่ยนแปลงได้ด้วยคำพูดที่สามารถปรับความเข้าเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่บางคนก็ควรต้องเจอถีบสักทีให้รู้ภาษา โดนซัดปากสักทีให้รู้ต้ว
ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักเตะที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศิลปินลูกหนัง อย่าง เอริค คันโตน่า จะเลือกเตะปากคนสักคน ที่พูดแต่เรื่องเสีย ๆ กับเขาแบบไม่มีวันจบสิ้น เอาให้หายซ่ากันไปข้าง
นี่คือเรื่องราว “กังฟูคิก” ของ เอริค คันโตน่า ที่บอกให้ทุกคนรู้ว่า บางคนที่พูดมาก ๆ ด่าเสียให้ร้ายคนอื่นไปทั่ว ระวังโดนกระโดดถีบแบบไม่รู้ตัว
ตำนานคันโตน่า
เอริค คันโตน่า ย้ายออกจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด ในปี 1992 หลังถูกพูดถึงว่าเขานี่แหละคือตัวปัญหาของทีม ซึ่งเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คว้าตัวมาร่วมทีมในราคา 1.2 ล้านปอนด์
ที่แมนเชสเตอร์ คันโตน่าไม่ใช่ตัวปัญหา เขาช่วยปีศาจแดงได้ทั้งใน และนอกสนาม เขากลายเป็นเหมือนกับผู้เล่นตัวชูโรงพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกภายใต้การคุมทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้ทั้ง 2 ปีแรกที่เขาเริ่มมีส่วนร่วม
คันโตน่ากลายเป็นดาวดังที่หลายคนชื่นชอบ เขาถูกมองว่าเป็นยอดนักเตะ เมื่อเล่นที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด และอนาคตอันใกล้เขาจะกลายเป็นตำนานของทีมแน่นอน
ขณะที่เรื่องนอกสนาม ในความเป็นจริงคันโตน่าเป็นนักเตะที่ชวนปวดหัวเหมือนกัน เพราะเขาค่อนข้างที่จะอินดี้ เขาเป็นศิลปิน ขณะที่กำลังเป็นนักกีฬาอยู่
ไม่แปลกเลยที่เฟอร์กูสัน จะมีวิธีการจัดการกับนักเตะคนนี้ต่างจากคนอื่น ซึ่งผลลัพท์ออกมายอดเยี่ยม เมื่อเฟอร์กี้ให้สิทธิพิเศษกับเขาบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเป็นการเอาใจ ก่อนที่ศิลปินลูกหนังคนนี้จะตอบแทนด้วยผลงานระดับท็อปให้กับทีม
แต่แน่นอนว่า คันโตน่าในฐานะดาวดังเบอร์ 1 ของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่พาทีมปีศาจแดงสู่ความยิ่งใหญ่ บวกกับคาแรกเตอร์ที่เหมือนนักบอลทั่วไป ทำให้มีคนรักมาก แต่ก็มีคนเกลียดมากเช่นกัน
คันโตน่าต้องรับแรงกดดันมากที่เข้ามาหาตัวเขา หลายคนอยากให้เขาล้มเหลว เพราะแมนฯ ยูไนเต็ดจะได้ล้มเหลวไปด้วย ซึ่งความอดทนของบางคนก็มีจำกัด และนำไปสู่เหตุการณ์ที่กลายเป็นตำนานในเวลาต่อมา
ลูกถีบกังฟูคิก
ในฤดูกาล 1994-95 หลังจากที่คันโตน่าพา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัยติดต่อกัน เขาโชว์ฟอร์มระดับเทพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลนี้เขายังคงเป็นผู้นำของทัพปีศาจแดงทำศึกลุ้นแชมป์เช่นเคย
คราวนี้คู่แข่งของพวกเขาในการแย่งแชมป์ อย่า งแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส นำเป็นจ่าฝูงพร้อมทำแต้มนำอยู่ 2 แต้ม ก่อนเกมสำคัญที่เกิดขึ้นในวันที่ 25 มกราคม 1995
หากย้อนกลับไปราว 3 วันก่อนหน้า ปีศาจแดงเพิ่งเอาชนะคู่แข่งในการลุ้นแชมป์โดยตรง อย่าง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 1-0 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ด้วยประตูชัยของคันโตน่า โมเมนตั้มตรงนี้น่าจะทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมขยี้ คริสตัล พาเลซ คู่แข่งเกมถัดไปที่อยู่ในโซนตกชั้น เพื่อสานต่อโอกาสในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
เกมนั้นถือว่าอึดอัดกว่าที่หลายคนคิด เมื่อทีมหนีตกชั้นไล่หวดขาคันโตน่าเป็นว่าเล่น ก่อนที่คันโตน่าจะเอาคืนเล่นงาน ริชาร์ด ชอว์ กองหลังที่คอยเตะคันโตน่าวันนั้นจนร่วง จนกรรมการจะเข้ามาให้ใบแดงกับเขา ไล่ออกจากสนามไปสงบสติอารมณ์
ในคันโตน่าเองยอมรับที่ตัวเองหงุดหงิด และพร้อมเดินจากไปกลับสู่ห้องแต่งตัวแต่โดยดี แต่เมื่อแฟนบอลคนหนึ่งออกปากด่าคันโตน่าอย่างรุนแรง และต่อเนื่องไม่ยอมหยุด ซึ่งหนึ่งในคำกล่าวนั้นคือ “ไอ้ลูกกระ***ฝรั่งเศส” จากนั้นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ก็เกิดขึ้น
เอริค คันโตน่า กระโดดถีบซัดเข้าเต็มหน้าแฟนบอล คริสตัล พาเลซ คนนั้นที่ชื่อว่า แมทธิว ซิมม่อนส์ จนร่วงจากเหตุการณ์นี้
ซึ่งแน่นอนก็มีแฟน ๆ หลายคนสมน้ำหน้าแฟนบอลคนนี้ เพราะปากดีไปด่านักเตะที่ก็น่าจะเห็นอยู่แล้วว่าเขาเจออะไรบ้างในเกมนัดนี้ ทั้งโดนเตะ โดนอัดแบบที่คู่แข่งไม่โดนลงโทษเลย แถมพอเอาคืนกลับโดนใบแดงซะอย่างนั้น ยังต้องมาเจอแฟนบอลห่วย ๆแบบนี้
ไม่แปลกว่า คันโตน่าคงถึงขีดสุดจริง ๆ จนต้องปลดปล่อยอะไรบางอย่างออกมา ซึ่งสุดท้ายก็เป็นกังฟูคิกเข้าเต็ม ๆ หน้าของซิมม่อนส์ แฟนบอลปากดีคนนั้นนั่นแหละ
ผลลัพธ์ที่ต้องยอมรับ
หลังจากเหตุการณ์ที่ว่า คันโตน่าถูกลงโทษจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ด้วยการโดนแบน 8 เดือน พร้อมปรับเงิน 1 หมื่นปอนด์ (ประมาณ 430,000 บาท ในปัจจุบัน)
นั่นทำให้เขาพลาดช่วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงฤดูกาลที่เหลือ ก็ส่งผลให้ทีมพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้นไป และเป็น แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ที่คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ
นอกจากนี้ การที่คันโตน่าไปทำร้ายร่างกายแฟนบอล ก็ทำให้เขาโดนคดีทำร้ายร่างกายเป็นโทษจำคุก 2 เดือน แต่เป็นความผิดครั้งแรกก็ได้ทำงานช่วยชุมชน 20 ชั่วโมง แทนที่จะต้องจำคุกตามโทษที่ควรได้รับ
แน่นอนว่า หลายคนรู้สึกสะใจกับการกระทำของคันโตน่า และแฟนบอลปากดีเกินขอบเขตก็ควรโดนอะไรแบบนั้น คันโตน่าก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีขีดจำกัดของตัวเอง บางคนก็ปากดีเกินไปจนไม่เกรงใจคนรอบข้าง บางครั้งมันก็ถึงเวลาที่จะต้องหุบปากของคนเหล่านั้นด้วยลูกถีบซะบ้างเผื่ออะไรมันจะดีขึ้น
สิ่งเดียวที่คันโตน่าเสียดายไม่ใช่เปลี่ยนใจที่จะไม่ถีบในจังหวะนั้น แต่เสียดายที่โดนลงโทษขนาดนี้ เขาน่าจะถีบให้แรงกว่านี้อีก
แต่สุดท้ายการใช้ความรุนแรงแบบนี้ ก็มีผลเสียหลายอย่างที่ตามมาหาคันโตน่า และสโมสรของเขา การทำร้ายร่างกายไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง การใช้ความรุนแรงนั้นก็เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จนถึงทุกวันนี้ เอริค คันโตน่า ไม่มีอะไรต้องเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังแขวนสตั้ดเขายังยืนยันกับสื่อว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขาที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือการถีบปากแฟนบอลคนนั้นในสนาม เซลเฮิร์ต พาร์ก อยู่ดี