สเต็ปแบ็คระยะกลาง : ท่าไม้ตายสุดโหดของเช กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์

08-26-2023
2นาทีที่อ่าน
(Getty Images)

27 แต้ม, 13 รีบาวด์, 6 แอสซิสต์ นี่คือสถิติของ เช กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ ในเกมที่เขาพา แคนาดา ทุบ ฝรั่งเศส ไปแบบช็อคโลก 95-65 คะแนน แต่หนึ่งในปัญหาของเขาในเกมนี้เลยก็คือเจ้าตัวแทบไม่สามารถเข้าถึงใต้แป้นได้เลยในเกมครึ่งสนาม

แต่ทว่าสิ่งนั้นกลับไม่ได้ส่งผลมากเท่าไหร่นักในเกมนี้ โดยเฉพาะในควอเตอร์ที่สาม เมื่อลูกยิงสเต็ปแบ็คของเขาเริ่มทำงานสักที หลังจากที่ยิงฟิลด์โกลทั้งหมดลงไปเพียง 2 ครั้งจาก 9 ครั้งเท่านั้นในครึ่งแรก

ทำไมสเต็ปแบ็คระยะกลางของ กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ ถึงกลายเป็นหนึ่งในท่าไม้ตายของเขาในการเล่นทั้ง NBA และ FIBA ทุกท่านสามารถติดตามไปพร้อมกับเราได้ที่นี่

สเต็ปแบ็คระยะกลาง : ท่าไม้ตายสุดโหดของเช กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์

เราจะขอเริ่มด้วยการบอกตรงนี้ก่อนว่า กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ เป็นผู้เล่นที่เน้นการไดรฟ์เข้าหาห่วง และถูกต้องครับ จุดประสงค์ของมันก็ตรงตัวคือการเข้าถึงปากห่วงนั้นเอง

ฤดูกาลล่าสุด เช มีค่าเฉลี่ยการไดรฟ์เข้าหาห่วงอยู่ถึง 24 ครั้งต่อเกม ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของ NBA นอกจากนั้นเขายังครองตำแหน่งนี้มาแล้วถึงสามปีซ้อนด้วยกัน และเพราะเหตุนี้นี่แหล่ะที่ทำให้เขาได้ลูกโทษมากถึง 10.9 ครั้งในฤดูกาลที่ผ่านมา

แต่แน่นอนว่าการที่จะเข้าถึงใต้แป้นได้ทุกเกมนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับตัวซ้อนฝีมือดีหรือพื้นที่ในการเล่นน้อยลงหากเพื่อนยิงไม่แม่นในกรณีที่แข่งใน NBA ส่วนกรณีของ FIBA นั้นก็คือการที่ไม่มีกฎสามวินาที ทำให้ผู้เล่นเกมรับตัวใหญ่จะยืนแช่ใต้แป้นกางมุ้งรอถึงเมื่อไหร่ก็ได้ สิ่งเหล่านี้จะทำให้โอกาสเข้าถึงห่วงของ กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ น้อยลงอย่างทันควัน

แต่นั่นก็ไม่มีปัญหาหากเขายังมี สเต็ปแบ็คระยะกลางเป็นของคู่ใจ

ในเกมที่ต้องเจอกับ ฝรั่งเศส ทางด้านของ เช สามารถทำแต้มใต้แป้นลงไปได้ทั้งหมดสามครั้ง แต่ทว่าทั้งหมดนั้นกลับมาจากการเล่นฟาสต์เบรก นี่แสดงให้เห็นเหมือนกันว่าเขามีปัญหาเมื่อต้องเจอกับผู้เล่นตัวใหญ่ที่ยืนปักหลักอยู่ใต้แป้น โดยเฉพาะเมื่อ รูดี้ โกแบร์ อยู่ในสนาม

เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาโต้กลับก็คือ ไดรฟ์เข้าไปให้ใกล้ห่วงมากที่สุด ก่อนจะจบด้วยเสต็ปแบ็ค เพื่อสร้างพื้นที่ระหว่างเขาและตัวประกบ ก่อนจะพูลอัพและยิงลงไป (ตัวอย่างอยู่ในวินาทีที่ 21 และ 51 ของคลิปด้านล่าง)

Scroll to Continue with Content

อย่างที่ทุกคนได้เห็นไป ไม่ว่าจะเริ่มต้นด้วยการไอโซเลชั่นของ กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ เอง (วินาทีที่ 21) หรือใช้สกรีน (วินาทีที่ 51) จะมีอย่างหนึ่งที่รอเขาอยู่ใต้แป้นเสมอนั่นก็คือ รูดี้ โกแบร์ เซ็นเตอร์ร่างยักษ์เจ้าของผู้เล่นเกมรับยอดเยี่ยม NBA สามสมัย เพราะฉะนั้นการเข้าไปชนกันตรงๆคงจะเป็นทางเลือกที่ไม่ดีเท่าไหร่นักด้วยร่างกายที่ไม่ได้หนามากมาย

นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมต้องใช้สเต็ปแบ็คระยะกลางหลังจากพยายามไดรฟ์เข้าหาห่วง นั่นก็เพื่อเคาน์เตอร์การซ้อนและการตามมาของตัวประกบนั่นเอง ภาพที่ชัดมากที่สุดคงเป็นลูกแรกที่เขาสเต็ปแบ็คเพื่อทิ้งระยะห่างจากตัวประกบก่อนที่จะยิงลงไป ส่วนอีกอย่างหนึ่งที่เราไม่นับมาเป็นองค์ประกอบของความเดือดนี้ไม่ได้ก็คือความสูงของเขา (6 ฟุต 7) ที่ทำให้ระยะห่างระหว่าง เช และตัวประกบเยอะมากขึ้นไปอีกระดับหนึ่งเช่นกัน

คำถามต่อมาคือการยิงระยะกลางของเขามีประสิทธิภาพมากแค่ไหน? เราคงต้องบอกว่าเขามีตัวเลขที่ไว้วางใจได้มากๆด้วยการยิงระยะกลาง (10-16 ฟุต) ลงไปถึง 50.2 เปอร์เซนต์ จากการยิงทั้งหมด 346 ครั้ง แต่ถ้าเจาะลึกลงไปมากกว่านี้ เปอร์เซนต์การยิงพูลอัพสองแต้มของเขาสูงมากสุดเป็นอันดับ 4 ของลีกเลยด้วยซ้ำหากนับผู้เล่นที่มีการยิงรูปแบบนี้มากกว่า 350 ครั้ง โดยเป็นรองแค่ เควิน ดูแรนท์, เดวิน บุคเกอร์ และ เดชอนเต้ เมอร์เรย์ เท่านั้นจากฤดูกาลที่ผ่านมา

และถ้าเราพูดในเชิงเพลย์เมคเกอร์ การไดรฟ์ของ เช นั้นจะทำให้หลายๆคนของผู้เล่นเกมรับบีบระยะเข้ามาใต้แป้น นี่จึงทำให้ เข สามารถส่งบอลไปให้ผู้เล่นที่แม่นสามคะแนนด้านนอกได้อีกด้วย

เรียกได้ว่านี่กลายเป็นท่าไม้ตายหรือลูกเคาน์เตอร์ประจำตัวของ เช กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ ไปแล้วแถมการมีท่านี้อยู่กับตัวยังทำให้เขาเล่นได้ใน NBA และ FIBA โดยที่ยังคงความสุดยอดได้อีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง: FIBA เวิลด์คัพ 2023 : ตารางแข่งขัน, ช่องถ่ายทอดสดและผลการแข่งขัน

บทความที่เกี่ยวข้อง: เปิด 5 ทีมเต็งแชมป์ของรายการ FIBA เวิลด์คัพ 2023

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก