เกม 3 ของรอบชิงชนะเลิศ NBA อาจจะเป็นเกมที่ดีที่สุดในชีวิตของ นิโคลา โยคิช ก็ได้ในตอนนี้ เพราะว่าเขาได้พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ได้มีดีแค่การเล่นเกมรุกแต่เกมรับเขาก็สร้างความแตกต่างได้เหมือนกัน
อย่างที่เรารู้กันว่าในเกมนี้ โยคิช สามารถสร้างสถิติระดับประวัติศาสตร์ NBA ไปได้ในเกมรุก โดยการทำ ทริปเปิล-ดับเบิล ระดับ 32 แต้ม, 21 รีบาวด์ กับอีก 10 แอสซิสต์ และทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ทำสถิติ 30-20-10 ได้ในรอบชิงชนะเลิศ แต่อีกอย่างที่คนอาจจะไม่ได้ให้ความสนใจมากนักหรือไม่ก็โดนรัศมีเกมรุกของตัวเขาเองบดบังมากเกินไปหน่อยก็คือการเล่นเกมรับที่เขามีส่วนสำคัญมากๆในการกด ฮีต ให้ได้ไปเพียง 94 แต้มเท่านั้น
ซึ่งนี่เป็นครั้งที่สองจากสามเกมแล้วที่ ไมอามี ฮีต ไม่สามารถทำแต้มได้เกิน 100 คะแนน
ตลอดการเล่นอาชีพที่ผ่านมาของโยคิช เขามักจะโดนพูดถึงเรื่องการเล่นเกมรับในด้านลบมากกว่าด้านบวก อย่างเช่นเขาเล่นเกมรับได้ไม่หลากหลาย, เขาช้าเกินไป, เขากระโดดไม่สูงและป้องกันห่วงไม่ได้ แต่บอกเลยว่าในเกมนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะเขามีส่วนร่วมกับเกมรับจนทำให้ ฮีต ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเลยทีเดียว
และถ้าต้องการข้อพิสูจน์ว่าเกมรับของ MVP สองสมัยดีแค่ไหน เราไปดูฟิล์มพร้อมกันที่ด้านล่างได้เลย!
ร่วมเล่นสนุก ชิงรางวัลกับการแข่งขันNBAได้ที่นี่
เกมรับของ โยคิช สำคัญแค่ไหน? หลังพา นักเก็ตส์ ชนะในรอบชิง NBA เกมสาม
เราจะมาเริ่มวิเคราะห์จากเพลย์นี้กันก่อนเลย
การครอบครองเกมบุกของ ฮีต ในเพลย์นี้ได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ โยคิช ยิงพลาดที่อีกฝั่งของสนามก่อนที่ ไคล์ ลาวรี จะนำบอลขึ้นมาถึงอีกฝั่ง
แม้ว่า ฮีต จะทำแต้มเร็วไม่ได้จากความพยายามที่จะสวนกลับใส่ นักเก็ตส์ แต่การบุกเร็วในครั้งนี้ก็ทำให้ตัวประกบของพวกเขาง่ายขึ้นเพราะ นักเก็ตส์ เซ็ตตัวประกบไม่ทัน และใช่ครับ เรื่องที่แฟนๆ นักเก็ตส์ ไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุดก็เกิดขึ้นจนได้เพราะว่า โยคิช ต้องออกไปกันวงนอกใส่ จิมมี บัตเลอร์
แน่นอนว่าเมื่อได้ตัวประกบแบบนี้ ฮีต ก็ไม่มีรอช้าที่จะโจมตีใส่ ทางฝั่งของ ไคล์ ลาวรี จึงรีบส่งบอลให้ เคเล็บ มาร์ติน ต่อด้วยการที่ มาร์ติน ส่งบอลต่อไปให้กับ บัตเลอร์ แล้วตัวเองก็วิ่งไปอีกฝั่งเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ จิมมี บัตเลอร์ ได้โจมตี โยคิชแบบ 1-1 ได้อย่างเต็มที่
การเล่นเกมไอโซเลชันของ จิมมี บัตเลอร์ ในเพลย์ออฟคือจุดแข็งอย่างหนึ่งในเกมรุกของ ไมอามี ฮีต หากเราอ้างอิงจาก NBA.com เขามีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5.5 แต้มต่อเกมในเกมไอโซเลชัน และมีค่าประสิทธิภาพอยู่ที่ 64 เปอร์เซนไทล์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทั้งความเร็วและความแข็งแกร่งของ จิมมี บัตเลอร์ นั้นก็มักจะเหนือกว่าคนที่ประกบเขาแบบตัวต่อตัวอยู่แล้ว
ด้วยการที่ โยคิช รู้ว่าเขาเสียเปรียบในเรื่องเกมรับเมื่อเขาต้องเจอกับบัตเลอร์ สิ่งที่เขาทำต่อมาก็คือการกดดันให้ บัตเลอร์ ต้องข้ามไปที่เบสไลน์ (เส้นหลังสนาม) เพื่อที่ บัตเลอร์ จะได้โจมตีเขาได้ทางเดียวเท่านั้น
และไม่เพียงแค่ โยคิช จะสไลด์เท้าตาม จิมมี บัตเลอร์ ได้ดีเท่านั้น แต่เขายังตามป้องกันจน จิมมี ไม่สามารถขึ้นเลย์อัพใต้แป้นได้อีกด้วย
แต่สิ่งที่น่าประทับใจมากกว่านั้นก็คือการอ่านเกมของ โยคิช ที่เขามองว่า บัตเลอร์ จะส่งต่อให้ แบม อเดบาโย ได้อย่างแม่นยำและสลับไปปิด แบม ได้ทันทีหลังจาก บัตเลอร์ ปล่อยบอล แถมยังไปกดดัน แบม จนเขาต้องพลาดฟิลด์โกลลูกนี้ไปครั้ง
ลูกนี้คืออีกหนึ่งลูกที่ แบม ได้จุดที่เขาถนัด แต่ทว่า โยคิช ก็กดดันได้ดีมากพอที่จะทำให้ แบม พลาดลูกนี้เช่นกัน
ทำไมเกมรับของ โยคิช ถึงสำคัญกับ เดนเวอร์ นักเก็ตส์
นิโคลา โยคิช ไม่ได้เป็นคนที่โดดเด่นในเรื่องเกมรับ เขาไม่ใช่คนที่ป้องกันห่วงได้ดีขนาดนั้น แต่เขาคือผู้เล่นบาสเกตบอลที่อ่านเกมได้ในระดับสูงพร้อมกับมีมือที่จะคอยปัดบอลอยู่ตลอดเวลา นั่นทำให้การอยู่ใต้แป้นของเขาโดดเด่นอยู่ไม่น้อย
หากใครสักคนจะทำแต้มเหนือผู้เล่นที่มีความสูง 6 ฟุต 11 นิ้ว และมีความยาวของแขนอยู่ที่ 7 ฟุต 3 นิ้ว บอกเลยว่ามันไม่ใข่เรื่องง่ายอย่างที่คิดแน่นอน
ยกตัวอย่างเช่นเพลย์นี้
หรือเพลย์นี้
เพลย์นี้ก็เช่นกัน
และเพลย์นี้ก็ใช่อีก
ในเกมที่ 3 อีกสิ่งหนึ่งที่ โยคิช ทำได้ดีก็คือการหมุนตัวประกบจากการข้ามของ ฮีต และกดดันใ่ห้ บัตเลอร์, อเดบาโย หรือ แม็กซ์ สตรูซ ยิงข้ามเขาโดยที่เขาจะทำตัวให้ใหญ่ได้มากที่สุดเพื่อรบกวน ถึงแม้หลายๆครั้งจะดูเหมือนว่า ฮีต “แค่เลย์อัพไม่ลง” แต่ความจริงแล้วหากเราได้ดูอย่างละเอียดจะเห็นเลยว่าการป้องกัน ของ โยคิช กดดันให้ผู้เล่นของ ฮีต ต้องลังเลหรือต้องเปลี่ยนท่ายิงเพื่อหลบบล็อกอยู่หลายต่อหลายครั้ง
ส่วนผลลัพธ์ในเรื่องนี้ก็คือ ฮีต มีการยิงใต้แป้นลงไปเพียงแค่ 8 จาก 23 ลูกเท่านั้นในเกมที่ 3 ส่วนระยะโฟลทเตอร์ (หรือระยะกลางแบบใกล้) ฮีตนั้นก็สามารถยิงลงไปได้เพียง 9 จาก 23 ลูกเท่านั้น ซึ่งนั่นค่อนข้างแตกต่างกับเกมสองโดยสิ้นเชิงที่ ฮีต สามารถกดไปได้ถึง 17 จาก 29 ลูกจากในเพนท์
แม้ว่า โยคิช ไม่ใช่คนที่รับหน้าที่ทั้งหมดกับผลลัพธ์นี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขามีส่วนร่วมอยู่ไม่น้อย แถมตัวเขาในเกมนี้ยังมีไปอีก 2 บล็อกด้วยกันซึ่งลูกที่สองค่อนข้างน่าประทับใจเพราะนี่คือการที่เขาอ่านเกมได้ดีมากๆแม้ตัวเองจะหลุดตำแหน่งไปแล้วก็ตาม
ข้อจำกัดในการเล่นเกมรับของ โยคิช คือเรื่องจริง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า โยคิช จะไม่สามารถสร้างผลกระทบที่ดีได้จากการเล่นเกมรับ โดยเฉพาะเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้เล่นที่ถูกต้องและระบบเกมรับที่ดี
ในเกมที่ 3 ของรอบชิงชนะเลิศเขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความสุดยอดของเขาไม่ได้มีแค่ในเกมรุกแต่เกมรับเขาก็ดีไม่แพ้กัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : ทำไม ไมเคิล พอร์เตอร์ จูเนียร์ คือตัวแปรสำคัญ? ในรอบชิง NBA ของ นักเก็ตส์
บทความที่เกี่ยวข้อง : คริสเตียน บราวน์ คือใคร? รุกกี้ที่ช่วยนักเก็ตส์ชนะเกมสามรอบชิง NBA
บทความที่เกี่ยวข้อง : เลบรอน เจมส์ จะย้ายไป แมฟเวอร์ริกส์? มีโอกาสแค่ไหนที่เลบรอนจะไปดัลลัส