โยคิชเทียบชั้นตำนานหรือไม่? หลังคว้าแชมป์ NBA 2023

06-13-2023
3นาทีที่อ่าน
(The Sporting News illustration)

นิโคลา โยคิช กำลังสร้างตำนานและตำนานของเขาก็กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

ในตอนนี้ นิโคลา โยคิช สามารถคว้าแชมป์ครั้งแรกได้แล้วสำหรับตัวเองและยังเป็นครั้งแรกของแฟรนชายส์ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ อีกด้วย ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เขาเอาตัวเองขึ้นไปอยู่ในทำเนียบผู้เล่นระดับสุดยอดตลอดกาลได้สำเร็จ

ถ้าหากว่ายังมีใครที่สงสัยในความสุดยอดของ นิโคลา โยคิช สิ่งที่เราตอกกลับไปได้ก็คือประวัติง่ายๆของเขาที่ประสบความสำเร็จมามากมายในการเล่น NBA ทั้งการนำทีมคว้าแชมป์ NBA, MVP รอบชิงชนะเลิศ, MVP รอบชิงแชมป์สายตะวันตก, MVP ฤดูกาลปกติสองสมัย, ติดทีม All-Star 5 ครั้ง และติดทีม All-NBA อีกห้าครั้ง และเรายังสามารถบอกได้อีกว่าตอนนี้เขาอายุเพียงแค่ 28 ปีเท่านั้น

และถ้าเรานำ โยคิช ไปเทียบกับผู้เล่นระดับสุดยอดตลอดกาลคนอื่นๆที่ได้แชมป์ในวัย 28 ก็จะมีทั้ง ไมเคิล จอร์แดน, แชคีล โอนีล และ เควิน ดูแรนท์ ซึ่งเราคงต้องยอมรับว่าเขาอาจจะเทียบกับ จอร์แดน ไม่ได้ แต่เขาก็ขยับเข้าใกล้กับ เควิน ดูแรนท์ และ แชคีล โอนีล เข้าไปเรื่อยๆแล้วในตอนนี้

แน่นอนว่าเมื่อ โยคิช คว้าแชมป์ได้ นี่จึงทำให้ชื่อเสียงและประวัติของเขาพุ่งขึ้นทะลุไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งเราจะไปเจาะลึกกันในเรื่องนี้

ร่วมเล่นสนุก ชิงรางวัลกับการแข่งขันNBAได้ที่นี่

ความสุดยอดของ นิโคลา โยคิช ในเพลย์ออฟ 2023

เราคงปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าที่ นักเก็ตส์ ได้แชมป์ครั้งแรกนี้ ส่วนใหญ่และส่วนสำคัญก็มาจากฝีมืออันยอดเยี่ยมของผู้ชายที่ชื่อ นิโคลา โยคิช

ด้วยการที่ โยคิช ทำค่าเฉลี่ยใกล้เคียงกับ ทริปเปิล-ดับเบิล ที่ 24.5 แต้ม, 11.5 รีบาวด์ และ 9.8 แอสซิสต์ต่อเกม ทำให้ เดนเวอร์ สามารถขึ้นเป็นทีมอันดับ 1 ของฝั่งตะวันตกไปได้ในช่วงฤดูกาลปกติ นอกจากนั้น โยคิช ยังสามารถผ่าน วิลท์ แชมเบอร์เลน ในการทำ ทริปเปิล-ดับเบิล ได้มากที่สุดของตำแหน่งเซนเตอร์ไปได้อีกด้วย แต่เรื่องที่น่าเสียดายที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือเขาพลาดการคว้า MVP สามปีติดต่อกัน โดยต้องแพ้ให้กับ โจเอล เอ็มบีด ในฤดูกาลนี้

หลังจากที่เริ่มเพลย์ออฟ โยคิชก็ยังคงเล่นได้เหมือนเดิมโดยไม่มีอะไรตกหล่นลงไปเลยแม้แต่น้อย ด้วยการทำไป ทริปเปิล-ดับเบิล ไปทั้งหมด 10 ครั้งในช่วงเพลย์ออฟจนกลายเป็นสถิติใหม่และขยับสถิติรวมของ ทริปเปิล-ดับเบิล ในเพลย์ออฟของเจ้าตัวขึ้นไปได้ที่ 16 ครั้ง

ในรอบแรกที่เขาเจอกับ ทิมเบอร์วูล์ฟส์ โยคิชทำให้ผู้เล่นตัวใหญ่อย่าง คาร์ล แอนโทนี-ทาวน์ส และ รูดี้ โกแบร์ ดูไร้พิษสงไปแบบไม่มีอะไรจะสู้

จนเข้ามาถึงรอบสองหรือรอบรองชนะเลิศสายตะวันตกที่ต้องเจอกับ ซันส์ ทีมที่มีสองสตาร์สุดยอดผู้เล่นสายทำแต้มอย่าง เควิน ดูแรนท์ และ เดวิน บุคเกอร์ พร้อมกับพอยต์การ์ดยอดฝีมือและเซนเตอร์มือดีอายุน้อยอย่าง คริส พอล และ ดีอันเดร เอย์ตัน ซึ่งนี่คืองานที่หนักมากๆสำหรับเซนเตอร์ชาวเซอร์เบียร์คนนี้

แต่ถึงแม้จะต้องเจองานหนักในเกมรับแต่เกมรุของ โยคิช ยังคงระเบิดฟอร์มอย่างต่อเนื่องไม่มีพักด้วยการมีค่าเฉลี่ยที่ 34.5 แต้ม, 13.2 รีบาวด์ และ 10.2 แอสซิสต์ จนพา เดนเวอร์ เข้าสู่รอบชิงแชมป์สายไปได้อีกครั้งหลังจากปี 2020

หลังจากทะลุรอบสองเข้ามา ตัวเขาก็ต้องเจอกับคู่ปรับเก่าอย่าง แอล เอ เลเกอร์ส ของ เลบรอน เจมส์ และ แอนโทนี เดวิส ที่เคยทำให้พวกเขาตกรอบเดียวกันในปี 2020 แต่คราวนี้มันกลับสวนทางกันเพราะในครั้งนี้ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ และ โยคิช เป็นฝ่ายเก็บชัยชนะไปได้รวดเดียวจบ 4-0 เกม และได้เข้าไปเล่นใน NBA ไฟนอลส์

จากการที่ เดนเวอร์ ชนะ เลเกอร์ส ไป 4-0 เกม ทำให้นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ นักเก็ตส์ ที่พวกเขาสามารถกวาดซีรีส์ได้สำเร็จ แถมยังเป็นการกวาดใส่ทีมของหนึ่งในสุดยอดผู้เล่นตลอดกาลของ NBA อย่าง เลบรอน เจมส์ อีกด้วย

พอเวลาของรอบชิงชนะเลิศมาถึง โยคิช ก็ได้แสดงให้คนทั้งโลกเห็นอย่างชัดเจนว่าเขามีดีแค่ไหนไม่ว่าจะเป็นทักษะ, ขนาดตัว และความแข็งแกร่ง ซึ่งทั้งหมดนี้มันมากเกินไปสำหรับ ฮีต ที่จะรับมือไหว โดยในซีรีส์นี้ โยคิช ได้กลายเป็นผู้เล่นคนที่สองในประวัติศาสตร์เท่านั้นที่สามารถทำ ทริปเปิล-ดับเบิล ได้ในเกมนัดแรกที่เขาได้เล่นรอบชิงชนะเลิศ แถมเขายังสร้างสุดยอดสถิติ ทริปเปิล-ดับเบิล ไว้ได้อีกด้วยในเกมที่สามที่ตัวเขาได้ทำไป 32 แต้ม, 21 รีบาวด์ กับอีก 10 แอสซิสต์

Scroll to Continue with Content

ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นเรื่องที่หลายๆคนจดจำได้อย่างแน่นอน

ยังไม่จบสำหรับความสุดยอดของ โยคิช เพราะเขาคือผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ของ NBA (อีกครั้ง) ที่เป็นผู้นำในการทำแต้ม, รีบาวด์ และ แอสซิสต์ ตลอดในเพลย์ออฟหนึ่งฤดูกาล

เขาทำในสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อนไม่รู้กี่สถิติต่อสถิติ เพราะฉะนั้นหากเราไม่รวมเขาเข้าไปในทำเนียบรายชื่อของสุดยอดผู้เล่นตลอดกาลก็คงจะเป็นการโกหกตัวเองอยู่เหมือนกัน

โยคิชเทียบชั้นตำนานหรือไม่? หลังคว้าแชมป์ NBA 2023

ก่อนที่เขาจะเริ่มเล่นในฤดูกาลนี้ ตำแหน่งที่เขามีติดตัวก็มีเพียงแค่ MVP สองสมัยซ้อนเท่านั้น แถมยังมีหลายคนที่ตั้งคำถามกับเขาว่า โยคิชเหมาะสมที่จะถูกเรียกว่าหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลหรือไม่? ในเมื่อเขาไม่มีแหวนแชมป์

เขาจะคว้าแชมป์ได้จริงๆหรอ? เขาเป็นแค่ผู้เล่นฤดูกาลปกติรึเปล่า? เขาจะเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในทีมที่เป็นแชมป์ได้ไหม? คำถามเหล่านี้ถูกตั้งขึ้นมาตลอดในปีนี้หรือ 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เขามีคำตอบให้ทุกคนแล้วว่า

“ใช่ เขาคือคนคนนั้น” และการตั้งคำถามเหล่านี้ก็ไม่มีน้ำหนักอีกต่อไปแล้วในตอนนี้

ความสุดยอดของ โยคิช ในการเล่นไม่ได้วัดด้วยแหวนแชมป์ เพราะการที่เขาเล่นได้ในระดับนี้ทำให้เขาขึ้นไปอยู่ที่ 20 หรือ 25 อันดับแรกไปแล้วสำหรับการเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลใน NBA

การได้แหวนวงแรกนี้มันเป็นแค่เครื่องเตือนใจเท่านั้นว่า นิโคลา โยคิช สุดยอดแค่ไหนในเกมบาสเกตบอล

ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่เท่าไหร่ใน 20 อันดับแรกก็ตามแต่เขาก็เป็นผู้เล่นที่สุดยอดไม่แพ้ตำนานเซ็นเตอร์หลายๆคนไม่ว่าจะเป็น โมเซส มาโลน หรือ เดวิด โรบินสัน ด้วยการที่เขาสามารถคว้าแหวนวงแรกมาได้ แน่นอนว่าเขาอาจจะยังไม่ถึงขั้น คารีม อับดุล-จับบาร์, บิล รัสเซล, วิลท์ แชมเบอร์เลน, ฮาคีม โอลาจูวอน หรือ แชคีล โอนีล แต่เส้นทางของเขาที่จะไปถึงจุดๆนั้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และถ้าเขาคว้าแชมป์ได้มากกว่านี้ สิ่งเหล่านี้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อม

ด้วยวัยเพียงแค่ 28 ปี เขายังมีเวลาอีกมากมายที่จะขยับตัวเองขึ้นไปเทียบกับเซนเตอร์คนอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าเขาอาจจะไปไกลมากกว่านี้ การสร้างทีมของ นักเก็ตส์ ถือว่าประสบความสำเร็จในที่สุดและแม้ว่าการได้แชมป์จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การมีหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลนำทีม สิ่งนั้นก็เกิดขึ้นได้จริงๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง : คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส 2016 : ทีมเดียวที่กลับมาได้จากนรก 3-1 เกมในรอบชิง NBA

บทความที่เกี่ยวข้อง : ไมอามี ฮีต จะกลับมาได้หรือไม่? : สถิติที่ควรรู้ก่อนรอบชิง NBA เกม 5

บทความที่เกี่ยวข้อง : โยคิชสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง : ผู้เล่นคนแรกที่มีเกม 30-20-10 ในรอบชิง NBA

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก