รู้จักขี่ม้าโปโล : กีฬาที่อัยยวัฒน์ เจ้าของเลสเตอร์ โปรดปรานเป็นพิเศษ

อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา สำหรับคนไทยแล้วคงเคยได้ยินชื่อเขาผ่านหูมาบ้างไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะคนที่สนใจในเรื่องกีฬาฟุตบอล เพราะเขาคือเจ้าของ คิง เพาเวอร์ และสโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ คนปัจจุบัน

ถึง “คุณต๊อบ” จะเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลชื่อดังในอังกฤษ แต่ความสนใจในกีฬาของเขากลับไม่ได้หยุดแค่อย่างเดียว เพราะสิ่งที่ชายคนนี้โปรดปรานไม่แพ้กันก็คือ “กีฬาแข่งม้าโปโล” ที่เจ้าตัวเคยลงไปอยู่ในสนามด้วยตัวเองพร้อมกับเคยติดอันดับที่ 20 ของโลกมาแล้ว

เพราะฉะนั้นในบทความนี้เราจึงขอพาทุกท่านเข้าไปสู่โลกกีฬาที่ อัยยวัฒน์ หลงไหลอย่างการแข่งขันม้าโปโลกันว่าจุดเริ่มต้นและความเป็นมาของกีฬานี้เป็นอย่างไร หากใครพร้อมแล้ว ติดตามไปกับบทความนี้ได้เลย

รู้จักขี่ม้าโปโล : กีฬาที่อัยยวัฒน์ เจ้าของเลสเตอร์ โปรดปรานเป็นพิเศษ

หากจะมองหาจุดเริ่มต้นของกีฬาแข่งขี่ม้าโปโลก็คงต้องย้อนเวลากลับไปเมื่อประมาณ 600 ปีก่อน จากตำนานที่เล่าขานกันมา กีฬาชนิดนี้นั้นเริ่มต้นด้วยการแข่งขันกันระหว่างชาวเปอร์เซียกับชาวเติร์กโคมัน 

เรื่องที่น่าแปลกอย่างหนึ่งก็คือผู้ที่ได้รับการบันทึกว่าเป็นผู้ที่นำกีฬาชนิดนี้มาเผยแพร่ไปยังที่ต่างๆนั้นไม่ใช่ทั้งชาวเปอร์เซียกับชาวเติร์กโคมัน หากแต่เป็นชาวมองโกลในยุคของเจงกิสข่าน ที่เมื่อไหร่ที่รบชนะ พวกเขาจะทำการตัดศีรษะของเฉลยศึกและนำศีรษะเหล่านั้นที่ตัดมาได้นำไปตีเล่น

หลังจากนั้นไม่นานการเล่นรูปแบบนี้ก็ได้พัฒนาไปเรื่อยๆจนกลายเป็นกีฬาที่เล่นบนหลังม้า สุดท้ายกีฬานี้ก็ถูกเผยแพร่ไปยังดินแดนต่างๆไม่ว่าจะเป็นแถบเปอร์เซียและดินแดนฝั่งตะวันออกรวมถึงฝั่งอินเดียอีกด้วย

ซึ่งอินเดียนี่เองที่เป็นหัวเชื้อชั้นดีในการเผยแพร่ เพราะเมื่ออังกฤษกลายเป็นเจ้าของอาณานิคมและได้พบเจอกับกีฬาชนิดนี้ พวกเขาก็ได้นำกลับไปเล่นที่บ้านเกิดจนพัฒนาไปไกลถึงการตั้งสโมสรขึ้นมาและเผยแพร่การแข่งขี่ม้าโปโลไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน

นอกจากตำนานจุดกำเนิดจะน่าสนใจแล้ว กีฬาแข่งม้าโปโลก็ยังมีธรรมเนียมพิเศษไม่เหมือนใครที่ทำสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยอดีต ซึ่งนั่นก็คือผู้ชมในสนามจะแต่งองค์ทรงเครื่องกันด้วยความสง่างาม อย่างเช่นผู้หญิงก็จะใส่ปีกหมวกกว้างในแบบของอังกฤษ หรือบางทีก็ใส่หมวกที่มีความสวยงามด้วยการประดับขนไก่ ขนนก หรือผ้าตาข่ายมาร่วมด้วย 

ส่วนธรรมเนียมอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าอันก่อนก็คือการ “ดิวอท สตอมปิง” ที่จะเกิดขึ้นช่วงพักของการแข่งขัน โดยผู้จัดการแข่งขันจะเชิญให้คนลงไปในสนามเพื่อช่วยเกลี่ยรอยเท้าของม้าและกลบดินกันด้วยความสนุกสนาน

โดยจุดประสงค์ของประเพณีนี้คือการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเพราะนอกจากที่สนามจะเรียบโดยที่ผู้จัดไม่ต้องเสียแรงแล้ว ผู้ชมยังได้ลุกจากที่นั่งมายืดเนื้อยืดตัวเช่นกัน แถมยังได้รู้จักคนอื่นๆที่อยู่ในสนามมากขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่าได้ทั้งออกกำลังกายและได้เพื่อนไปในเวลาเดียวกันเลยทีเดียว

รูปแบบการแข่งขันขี่ม้าโปโล

สนามของการแข่งขันขี่ม้าโปโลนั้นจะใหญ่ประมาณ 4 สนามฟุตบอล โดยจะมีความยาวที่ 300 หลา และมีความกว้างที่ 200 หลา ซึ่งในการแข่งขันจะมีผู้เล่นรวมแล้ว 8 คน แบ่งเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายละ 4 คน

ในการแข่งขันแต่ละช่วงจะถูกเรียกว่า ชักก้า (Chukka) ซึ่งการแข่งขันโปโลนั้นจะเล่นกัน 4–6 ชักก้า ขึ้นอยู่กับว่าทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันว่าเล่นนานเท่าไหร่

ในแต่ละชักก้าจะมีเวลาแข่งขัน 7 นาที (ระฆังเตือนทุกครั้งเมื่อจบ 7 นาทีแรก) เมื่อจบตามเวลาที่กำหนดจะมีการต่อเวลาอีก 30 วินาที จนกว่าบอลจะออก จะมีเพียงแค่ ชักก้า สุดท้ายเท่านั้นที่ไม่มีการต่อเวลายกเว้นแต้มยังเสมอกันอยู่

มาถึงจุดสุดท้ายก็คือการนับแต้ม เมื่อไหร่ที่ลูกเข้าประตูไปจะถูกนับเป็น 1 แต้ม หากฝั่งไหนทำแต้มได้มากกว่าหลังจากจบทุกชักก้าแล้วก็จะได้รับชัยชนะไปครอบครอง แต่หากว่าเกมจบด้วยการเสมอจะมีการเล่นอีก 1 ชักก้า หากใครได้คะแนนแรกไปก็จะเป็นฝ่ายชนะ

แต่จนแล้วจนรอด หากยังไม่มีใครสามารถทำแต้มได้อีก ก็ต้องแข่งใน ชักก้า ถัดไปโดยการขยายเสาโกลให้กว้างขึ้นและหากใครทำแต้มได้ก่อนก็จะชนะไปเช่นเดิม

เกร็ดความรู้ของ อัยยวัฒน์ กับการแข่งกีฬาขี่ม้าโปโล

เมื่อปี 2018 ทั้ง อัยยวัฒน์ และ อภิเชษฐ์ สองพี่น้อง ศรีวัฒนประภา ได้ติดท็อป 20 ของโลกในกีฬาขี่ม้าโปโลด้วยกันทั้งคู่ ในส่วนของ อัยวัฒน์ อยู่ในอันดับที่ 9 และ อภิเชษฐ์ อยู่ในอันดับที่ 16

ในขณะที่ปัจจุบัน ทางด้านของคุณต๊อบ อัยยวัฒน์ ยังคงเดินหน้าแข่งขันอยู่ และยังคงทำอันดับโลกติดท็อป 20 อยู่ในอันดับที่ 12 ส่วนพี่ชายของเขาอย่าง ต้อล อภิเชษฐ์ ตามข้อมูลจาก https://www.worldpolotour.com แต้มของเขาได้หายไปจนเหลือ 0 แล้วในตอนนี้

แหล่งข้อมูลอ้างอิง: TRUST Magazine by TISCO Issue 40

ลุ้นรางวัลใหญ่ เชียร์ทีมชาติไทยถึงเกาหลีใต้

ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด

"ร่วมทายผลกีฬาลุ้นโชคพร้อมโบนัสสูงสุด 100 เปอร์เซนต์"

ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา

Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand