วัน แชมเปียนชิพ (ONE) องค์กรสื่อกีฬาระดับโลก ผนึกกำลัง สนามมวยเวทีลุมพินี เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการมวยไทย โดยเตรียมลงทุน 3,600 ล้านบาท เพื่อสร้างคอนเทนต์กีฬาในระดับเวิลด์คลาส ยกระดับวงการมวยไทยที่จะมาพร้อมกับศิลปะการต่อสู้ที่หลากหลาย และจะมีการถ่ายทอดสดมากกว่า 154 ประเทศทั่วโลก ผู้ชมมากกว่า 60 ล้านคนในทุกแพลตฟอร์ม ภายใต้ชื่อศึก ONE LUMPINEE ที่จะจัดการแข่งขันทุกสัปดาห์ อย่างน้อย 52 ครั้งตลอดปี เริ่มครั้งแรกเดือนมกราคม 2566
ตั้งเป้าหมายดันเวทีลุมพินีขึ้นสู่เวทีอันดับ 1 ของโลก
นายชาตรี ศิษย์ยอดธง ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง ONE Championship เปิดเผยว่า สนามมวยเวทีลุมพินี ถือเป็นสนามมวยอันทรงเกียรติยศสูงสุดแห่งวงการมวยไทยมาอย่างยาวนาน เป็นสถานที่ให้กำเนิดแชมป์มวยไทย และนักชกระดับตำนานมาแล้วหลายยุคหลายสมัย และนักชกซึ่งเป็นแชมป์โลกของ ONE หลายคนก็มีความหลังกับสนามมวยแห่งนี้ โดยสนามมวยเวทีลุมพินีมีวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้กีฬามวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้จริง ๆ โดยปลอดการพนัน มีมาตรฐานที่จะก้าวไปสู่ระดับโลกได้ จึงตั้งใจสร้างเวทีลุมพินีสู่เวทีอันดับ 1 โลก และให้ทั่วโลกรู้จักมวยไทย นักชกจะได้ค่าตัวมากกว่าทุกแห่ง โดยวันจะลงทุน 3,600 ล้านบาท สำหรับมวยไทยทั้งระบบทั่วโลก ที่จัดทุกทวีปในโลกโดยโปรโมเตอร์ทั่วโลก
ประธาน ONE กล่าวต่อว่า สำคัญที่สุด คือเราเปิดกว้างให้ค่ายมวยทุกแห่งทั่วประเทศส่งนักมวยเข้าแข่งขัน หากทำผลงานได้ดีก็จะมีโอกาสก้าวเข้ามาเป็นนักกีฬาในสังกัดของ ONE หรือลงแข่งขันชิงแชมป์ในทัวร์นาเมนต์อื่น ๆ ของ ONE ได้ในอนาคต นอกจากนี้ยังจะมีการจัดอินเตอร์เนชั่นแนลไฟต์ ที่รวบรวมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ทั้ง มวยไทย มิกซ์มาเชียลอาร์ต (MMA) คิกบ็อกซิ่ง ฯลฯ ทำให้การรับชมกีฬาการต่อสู้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น”
นอกจากนี้ ทางชาตรี ยืนยันว่า ONE Lumpinee จะมีการจ่ายตัวนักมวยไทยที่เข้าแข่งขันสูงที่สุดในประเทศไทย มากกว่า 50% จากเรตที่ได้ตามปกติ ซึ่งโปรเจกต์ดังกล่าวจะเริ่มต้นในเดือน มกราคม 2566
กองทัพบกเชื่อมือ ONE สร้างมาตรฐานใหม่ของมวยไทย
ด้าน พล.อ.สุชาติ แดงประไพ กล่าวว่า ทางกองทัพบกมีความตั้งใจอย่างมากที่จะยกระดับมวยไทยให้เป็นกีฬาอย่างแท้จริง โดยหวังที่จะเห็นมวยไทยซึ่งไม่มีการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันมวยไทยให้เป็นซอฟท์พาวเวอร์สู่ระดับโลก จึงได้เชิญ ONE ซึ่งเป็นผู้จัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกมาเป็นโปรโมเตอร์จัดศึก ONE LUMPINEE ในครั้งนี้
โดยเชื่อว่าการก้าวไปข้างหน้าจากความร่วมมือกันในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมมวยไทยแล้ว ยังเป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมวงการมวยไทยไปสู่ระดับโลกด้วย