กอนซาโล่ รามอส : กองหน้าดาวรุ่งสู่แฮตทริกฮีโร่ของโปรตุเกสในบอลโลก 2022

Author Photo
Goncalo Ramos of Portugal at 2022 World Cup goal vs Switzerland
Getty Images

รู้หรือไม่ว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังไม่เคยทำประตูได้เลยในรอบน็อคเอาท์ของฟุตบอลโลก นั่นแสดงให้เห็นว่า แม้แต่สุดยอดนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกยังต้องพบเจอกับความยากลำบากในการแข่งขันระดับนี้ 

แต่สำหรับกอนซาโล่ รามอส กองหน้าดาวรุ่งวัย 21 ปีของทีมชาติโปรตุเกส เขาทำให้โจทย์อันยากลำบากของดาวยิงหลายคนเป็นเรื่องง่าย ผ่านการลงมาทำแฮตทริก ตั้งแต่การลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกในฟุตบอลโลก 

นี่จึงเป็นเรื่องราวของนักเตะที่แสดงฝีเท้าอย่างยอดเยี่ยม และพิสูจน์ให้เห็นว่าทำไมดาวรุ่งรายนี้ถึงถูกพูดถึงมากมายในชั่วข้ามคืน 

เยาชนเบนฟิก้า

กอนซาโล่ รามอส เริ่มต้นเส้นทางการค้าแข้งของเขากับทีมฟุตบอลท้องถิ่น โอลฮาเนนเซ่ ในปี 2009 แต่ด้วยพรสวรรค์ที่น่าประทับใจของเขา รามอสจึงย้ายไปเซ็นสัญญากับโลเล ทีมฟุตบอลอีกแห่งในภูมิภาคเดียวกัน  

อย่างไรก็ดี ฝีเท้าของรามอสยอดเยี่ยมเกินกว่าจะเริ่มต้นกับทีมฟุตบอลโนเนมในแดนใต้ เขาจึงได้รับข้อเสนอจากทีมดังระดับประเทศอย่าง เบนฟิก้า ก่อนเซ็นสัญญาเข้าเป็นนักเตะเยาวชนของทีมในปี 2013 ด้วยวัยเพียง 12 ปีเท่านั้น 

รามอสค่อยสั่งสมประสบการณ์ในชุดเยาวชนเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก่อนก้าวสู่ทีมเบนฟิก้า เบ ในปี 2019 ซึ่งเจ้าตัวทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจกับทีมสำรอง ผ่านการยิง 16 ประตู จากการลงเล่น 37 นัด 

ส่วนผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเขาในฤดูกาล 2019-20 คือการทำหน้าที่ในชุดเยาวชนยู-19 เมื่อรามอสพาต้นสังกัดก้าวไปถึงรอบชิงชนะเลิศของการแข่งขันยูฟ่า ยูธลีก (ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกของทีมเยาวชน) ซึ่งท้ายที่สุด แม้เบนฟิก้าจะพ่ายแพ้แก่เรอัล มาดริด 3-2 แต่รามอสยิงประตูในเกมดังกล่าวคนเดียวสองลูก

แถมจบทัวร์นาเมนต์ด้วยการฝากผลงานรวม 8 ประตู ถือเป็นดาวซัลโวของรายการ นั่นจึงทำให้เบนฟิก้าไม่พลาดรีบเซ็นสัญญายาวกับกองหน้ารายนี้ถึงปี 2025 พร้อมกับกางแผนผลักดันเขาสู่ทีมชุดใหญ่โดยทันที 

Getty Images

โอกาสสำคัญ

ความจริงแล้วรามอสได้โอกาสลงเล่นกับทีมชุดใหญ่เบนฟิก้า ตั้งแต่ฤดูกาล 2019-20 แต่หลังจากผ่านไปสองซีซั่น เขาได้โอกาสลงสนามให้ทีมเพียง 13 นัด และทำได้ 6 ประตูจากทุกรายการ เนื่องจากนักเตะรายนี้ยังต้องคอยเรียนรู้การเล่นฟุตบอลในระดับสูงไปก่อน

กว่ารามอสจะมีบทบาทจริงจังในทีมเบนฟิก้า เขาจึงต้องรอถึงฤดูกาล 2021-22 โดยเจ้าตัวถือเป็นกองหน้าตัวสำรองจากสองตัวหลักอย่าง โรมัน ยาเร็มชุค และ ดาร์วิน นูนเญซ ซึ่งถึงแม้รามอสจะไม่ได้ลงเล่นในฐานะตัวจริงมากมาย แต่การลงสนามในช่วงท้ายเกมอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นสัญญาณที่ดีของนักเตะรายนี้ หากทีมจะขยับเขาสู่บทบาทที่สำคัญขึ้นในอนาคต 

ในที่สุดโอกาสที่รามองรอคอยก็มาถึง เมื่อเบนฟิก้าเลือกเนลสัน เวริสซิโม่ เข้ามาคุมทีมแทนฆอร์เก้ เฆซุส ผู้จัดการทีมรุ่นเก๋าที่ทำผลงานได้ไม่ตามเป้า และเนื่องจากเวริสซิโมถือเป็นอดีตผู้จัดการทีมของเบนฟิก้า เบ เขาจึงกล้ามอบบทบาทสำคัญในทีมให้กับรามอสในทันที 

นั่นจึงส่งผลให้เขาสามารถนำจุดเด่นเรื่องความหลากหลายในการเล่นเข้ามาช่วยทีม เพราะรามอสจะลงเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า หรือตัวริมเส้นแล้วแต่ตามที่ทีมต้องการ ก่อนฝากผลงานน่าสนใจด้วยการยิงประตูใส่ลิเวอร์พูลในเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย ในฤดูกาลดังกล่าว

พัฒนาการของ กอนซาโล่ รามอส ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เบนฟิก้าตัดสินใจขายดาร์วิน นูนเญซให้กับลิเวอร์พูล ในช่วงซัมเมอร์ปี 2022 เพราะขณะนี้เขาถือเป็นดาวยิงตัวหลักของเบนฟิก้าในฤดูกาล 2022/23 โดยขณะนี้ลงเล่นไปแล้ว 21 นัดจากทุกรายการ และสามารถทำประตูไปได้ถึง 14 ลูก 

Getty Images

แฮตทริกฮีโร่

ผลงานอันยอดเยี่ยมในระดับสโมสร ส่งผลให้แฟนบอลชาวโปรตุเกสเชื่อว่าเขาจะขยับมารับบทกองหน้าตัวสำคัญในระดับทีมชาติ ไม่ต่างจากที่อังกฤษมีแฮร์รี่ เคน และไม่ต่างจากที่ฝรั่งเศสมีคาริม เบนเซม่า 

และแน่นอนว่าด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ แฟร์นานโด ซานโตส ผู้จัดการทีมชาติโปรตุเกส จึงไม่พลาดเลือกเขามาติดทีมชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 โดยหน้าที่หลักของเขาไม่พ้นการเป็นตัวสำรองคอยสนับสนุนกองหน้าตัวหลักคนเก่าอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้

โดยรามอสได้โอกาสลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งแรกของเขาในเกมกับกาน่า ผ่านการลงมาเล่นเป็นตัวสำรองในนาที 88 ก่อนะจได้ลงเล่นอีกครั้งในช่วง 10 นาทีสุดท้าย จากเกมที่พวกเขาเอาชนะอุรุกวัย 2-0 รวมแล้วเขาจึงได้โอกาสลงเล่นในเกมรอบแรกเพียงน้อยนิด แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ซานโตสไม่ได้มั่นใจในตัวนักเตะรายนี้เท่าไหร่นัก

แต่เป็นโชคชะตาที่เข้าข้างรามอสให้แจ้งเกิดในฟุตบอลโลกหนนี้ เมื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สบถใส่ซานโตสขณะถูกเปลี่ยนตัวออกในเกมพบเกาหลีใต้ ด้วยเหตุนี้ CR7 จึงต้องไปชดใช้ความผิดของเขาบนม้านั่งสำรอง เพื่ิอเปิดโอกาสให้รามอสลงมาสัมผัสเกมในฐานะตัวจริงเป็นครั้งแรก 

ก่อนเขาจะแสดงผลงานที่ไม่มีใครคาดคิด ผ่านการระเบิดแฮตทริกในเกมที่พวกเขาเอาชนะสวิตเซอร์แลนด์ 6-1 นั่นจึงทำให้รามอสกลายเป็นนักเตะคนแรกในรอบ 32 ปี ที่สามารถทำแฮตทริกได้บนเวทีฟุตบอลโลกรอบน็อคเอาท์ ต่อจาก โทมัส สกูฮ์ราวี่ กองหน้าของเชโกสโลวาเกียที่ยิงใส่คอสตาริก้าในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลก 1990 

Goncalo Ramos Portugal Qatar 2022 World Cup
Getty Images

ผลงานของกอนซาโล่ รามอสจากในเกมนัดนี้ คงทำให้หลายคนรู้สึกสนใจกองหน้ารายนี้ขึ้นมาทันที เพราะเขาแสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่ล้ำหน้ากว่าการเป็นกองหน้าตัวจริงเบนฟิก้าเสียแล้ว จึงเชื่อได้เลยว่าในอนาคตหากรามอสยังสามารถพัฒนาตัวเองได้ตลอดแบบนี้ เขาคงกลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่มีค่าตัวมหาศาลอย่างแน่นอน

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก

ผู้แต่ง
Author Photo
บรรณาธิการบริหาร The Sporting News Thailand
LATEST VIDEOS