ย้อนกลับไปยังศึกฟุตบอลโลก 1994 มีนักเตะคนหนึ่งที่สามารถเอาชนะทีมชาติอาร์เจนติน่า จนได้รับฉายาว่า “มาราโดน่าแห่งคาบสมุทรบอลข่าน”
เขาโชว์ฟอร์มสุดยอดในการแข่งขันครั้งนั้น จนสามารถพาชาติโรมาเนียของเขาไปได้ไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย … มันกลายเป็นความสำเร็จที่ถูกเล่าขาน ถึงเรื่องราวอันน่ามหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากฝีเท้าอันน่าหลงไหลของชายคนหนึ่ง
นี่คือเรื่องราวของ จอร์จี้ ฮาจี้ ยอดตำนานตัวรุกของทีมชาติโรมาเนีย กับผลงานอันน่าเหลือเชื่อในฟุตบอลโลก 1994 ที่เขางัดฟอร์มเก่งจนพาบ้านเกิดไปไกลเกินฝัน และเป็นการเดินทางที่ผู้คนยังพูดถึงจนทุกวันนี้
สมบัติของโรมาเนีย
จอร์จี้ ฮาจี้ ถือเป็นนักเตะที่น่าจับตาของโรมาเนียนับตั้งแต่ช่วงต้นอาชีพ เขาเริ่มต้นสร้างชื่อเสียงจากการยิง 31 ประตู ผ่านการลงเล่น 31 นัด ให้กับ เอฟซี สปอร์ตุล ในฤดูกาล 1985–86
จากนั้นในฤดูกาลถัดมา ทีมยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลโรมาเนีย อย่าง สเตอัว บูคาเรสต์ ได้ตัดสินใจคว้าตัวฮาจี้เข้ามาร่วมทัพ เพียงแต่การย้ายทีมครั้งนี้ค่อนข้างจะแปลกประหลาดเสียหน่อย
เนื่องจาก สเตอัว บูคาเรสต์ ไม่ต้องการคว้าฮาจี้เข้ามาสู่ทีมเป็นการถาวร แต่ต้องการยืมตัวดาวรุ่งรายนี้เข้ามาเล่นให้กับทีมเพียง “แมตช์เดียว” ในเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์คัพ 1986
ผลปรากฎว่าแข้งสัญญายืมรายนี้ กลายเป็นฮีโร่ของแฟนคลับสเตอัวทั้งมวล หลังเขาปั่นฟรีคิกอันเป็นประตูชัยให้ต้นสังกัดชั่วคราว คว้าชัยชนะเหนือดินาโม เคียฟ 1-0 ก่อนคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์คัพ ไปครอง
ทันทีที่ผู้บริหารทีมสเตอัว บูคาเรสต์ เห็นผลงานอันน่าประทับใจของดาวยิงวัย 23 ปี พวกเขากลับไม่ต้องการจะปล่อยนักเตะรายนี้กลับเอฟซี สปอร์ตุล อีกต่อไป สโมสรแชมป์ลีกโรมาเนีย 20 สมัย จึงตัดสินใจเซ็นสัญญากับฮาจี้เป็นการถาวร
ก่อนกองหน้าชาวโรมาเนียจะตอบแทนต้นสังกัดใหม่ของเขาตามความคาดหมาย เมื่อฮาจี้พาทีมเข้ารอบรองชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ ในฤดูกาล 1987/88 และก้าวไปถึงตำแหน่งรองแชมป์ในฤดูกาลถัดมา หลังแพ้ให้กับเอซี มิลาน ในรอบชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 1988/89
แต่ถึงอย่างนั้น ความสำเร็จของสเตอัว บูคาเรสต์ ในช่วงปลายยุค 80s ถือเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก ๆ เพราะถึงอย่างไร สโมสรฟุตบอลแห่งนี้ก็ไม่ใช่ทีมยักษ์ใหญ่ระดับยุโรป ซึ่งเหตุผลเดียวที่ทำให้ทีมจากโรมาเนีย ก้าวมาประสบความสำเร็จในระดับนี้ได้ คือ จอร์จี้ ฮาจี้ ที่ระเบิด 88 ประตูจากทุกรายการ ตลอด 3 ปีครึ่งที่เขาค้าแข้งกับทีม
น่าเสียดายที่ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของฮาจี้ ไม่ได้มีส่วนในการช่วยพาเขาออกมาค้าแข้งนอกโรมาเนียมากนัก
เพราะช่วงเวลานั้น โรมาเนียมีผู้นำเผด็จการอย่าง นิโคไล เชาเชสกู ปกครองประเทศ ซึ่งอำนาจของรัฐบาลได้เข้าแทรกแซงการตัดสินใจของสเตอัว บูคาเสต์ จนสามารถปัดข้อเสนอคว้าตัวฮาจี้ จากทีมดังอย่าง เอซี มิลาน, ยูเวนตุส และบาเยิร์น มิวนิค ได้หน้าตาเฉย
ถือเป็นโชคดีของฮาจี้ ที่อำนาจของเชาเชสกูสิ้นสุดลงในปี 1889 โอกาสในการออกไปโชว์ฝีเท้านอกประเทศของเขาจึงเปิดกว้างหลังจากนี้ และเนื่องจากผลงานอันน่าประทับใจในฟุตบอลโลก 1990
ฮาจี้จึงได้ย้ายไปยังทีมยักษ์ใหญ่อย่าง เรอัล มาดริดในทันทีหลังจากนั้น … โดยตัวเขาไม่รู้เลยว่า นี่จะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมากที่สุดครั้งหนึ่ง ในเส้นทางการค้าแข้งของตำนานดาวยิงชาวโรมาเนีย
ถึงเวลาฮาจี้คืนฟอร์มเก่ง
ปัญหาที่ฮาจี้ต้องเจอเมื่อเขาย้ายมาค้าแข้งในถิ่นซานติอาโก เบอร์นาเบว คือตัวเขาไม่ใช่ยอดนักเตะหมายเลขหนึ่ง เหมือนตอนค้าแข้งที่โรมาเนียอีกต่อไป
ฮาจี้ต้องยอมรับความจริงที่เขาตกเป็นรองดาวดังแห่งราชันชุดขาว ไม่ว่าจะเป็น เอมิลิโอ บูตราเกนโญ เจ้าของฉายา “พญาแร้ง” หรือ ฮูโก้ ซานเชซ ยอดดาวยิงชาวเม็กซิกัน
ด้วยเหตุนี้ ฮาจี้จึงยอมรับด้วยตัวเองเลยว่า เขาเป็นแค่นักเตะที่ล้มเหลวคนหนึ่งเท่านั้น เมื่ออยู่ภายใต้สีเสื้อเรอัล มาดริด โดยในตลอด 2 ฤดูกาลในสเปน เขาทำได้แค่ 14 ประตูเท่านั้น
ฮาจี้จึงตัดสินใจเริ่มต้นเส้นทางใหม่ ด้วยการเลือกย้ายไปค้าแข้งกับเบรสชาที่อิตาลีในปี 1992 แต่ผลงานของเขายังคงย่ำแย่เหมือนเดิม หลังลงเล่น 31 นัดในเซเรีย อา แต่กลับยิงได้เพียง 5 ประตู
ซ้ำร้าย เบรสชา ยังตกชั้นไปเล่นยังเซเรีย บี ในฤดูกาล 1993–94 ฮาจี้จึงต้องลงไปสู้ศึกในลีกรองของอิตาลีเป็นเวลาหนึ่งปี ก่อนเขาจะช่วยทีมจบอันดับ 3 คว้าตั๋วเลื่อนชั้นมาครองได้สำเร็จ แม้ความจริงแล้วฮาจี้จะยิงได้เพียง 9 ประตูก็ตาม
แต่ไม่ว่าผลงานในระดับสโมสรจะยากลำบากแค่ไหน เรื่องนั้นไม่ส่งผลต่อสถานะในทีมชาติโรมาเนียของฮาจี้ เพราะถึงอย่างไร เขายังคงเป็นนักเตะหมายเลขหนึ่งของทีมในศึกฟุตบอลโลก 1994 อยู่ดี
โดยเส้นทางของทีมชาติโรมาเนียในศึกฟุตบอลโลก 1994 พวกเขาต้องเจองานหนักในกลุ่ม A เมื่อถูกจับไปอยู่กลุ่มเดียวกับชาติเจ้าภาพอย่างทีมชาติสหรัฐอเมริกา รวมถึงสวิตเซอร์แลนด์ และโคลอมเบีย ที่ถูกมองแข็งแกร่งกว่าโรมาเนีย ในช่วงก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มต้น
แต่นัดแรกที่พวกเขาลงทำการแข่งขัน โรมาเนียสามารถพลิกชนะโคลอมเบียด้วยสกอร์ 3-1 โดยฮาจี้รับบทฮีโร่ทำผลงานยิง 1 แอสซิสต์ 2 ในเกมดังกล่าว ถือเป็นการประกาศให้คนทั่วโลกรับทราบว่า เตรียมจับตาดูการเล่นของเขาในทัวร์นาเมนต์นี้ให้ดี เพราะฮาจี้ตัวจริงที่เคยเขย่าเวทีบอลยุโรปคนนั้นได้กลับมาแล้ว
แม้นัดต่อมาพวกเขาจะทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์เละเทะ 1-4 แต่ฮาจี้ยังคงรักษาโมเมนตั้มของตัวเองได้ ผ่านการยิงประตูในเกมดังกล่าว ก่อนพวกเขาจะงัดฟอร์มเก่งออกมาสู้กับสหรัฐอเมริกา และคว้าชัยชนะด้วยสกอร์ 1-0 ส่งผลให้โรมาเนียเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มได้ และผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ
ปราบทีมแกร่งในฟุตบอลโลก
แม้จะผ่านเข้ารอบได้แบบพลิกความคาดหมาย โรมาเนียกลับต้องมาเจอกับงานยากในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อคู่แข่งของพวกเขาคือทีมชาติอาร์เจนติน่า รองแชมป์ทีมล่าสุดของศึกฟุตบอลโลก
และถึงแม้ทัพฟ้าขาวจะปราศจาก ดิเอโก้ มาราโดน่า ซึ่งถูกตัดออกจากทีมแบบกระทันหัน หลังไม่ผ่านการตรวจโด๊ปเมื่อจบเกมนัดที่พวกเขาเอาชนะกรีซในรอบแบ่งกลุ่ม แต่ทีมชาติอาร์เจนติน่ายุคใหม่ ยังมียอดกองหน้าอย่างกาเบรียล บาติสตูต้า, ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ และเฟร์นานโด เรดอนโด้ นั่นจึงทำให้พวกเขายังคงเป็นทีมที่เหนือกว่าโรมาเนียอยู่ดี
แต่เมื่อเสียงนกหวีดเริ่มต้นขึ้น การแข่งขันเป็นอย่างดุเดือดและสูสี เนื่องจากในช่วง 20 นาทีแรก มีการทำประตูเกิดขึ้นถึงสามลูก โดยเป็นอิลลี ดูมิเทรส ที่ยิงให้โรมาเนียไปก่อนสองประตู ส่วนอาร์เจนติน่าได้หนึ่งประตูคืนมาจากบาติสตูต้า
ก่อนการแข่งขันในครึ่งหลังจะเป็นเกมของโรมาเนีย เมื่อนาทีที่ 58 จอร์จี้ ฮาจี้ ได้โอกาสยิงประตูเข้าไปอย่างมั่นใจเป็นประตูที่ 3 ของทีมจากยุโรป และถึงแม้ อาเบล บัลโบ จะยิงตีตื้นคืนให้ทัพฟ้าขาวในช่วงท้ายเกม แต่มันก็ไม่ทันแล้ว
โรมาเนียพลิกล็อคเอาชนะรองแชมป์ทีมล่าสุดของศึกฟุตบอลโลกไปได้ ด้วยสกอร์ 3-2 ก่อนพวกเขาจะผ่านไปเจอกับทีมชาติสวีเดน และตกรอบไปด้วยการพ่ายแพ้จุดโทษอย่างน่าเสียดาย ด้วยสกอร์ 4-5 หลังผลเสมอในเวลาปกติ 2-2
แต่ถึงจะมาได้ไกลเพียงรอบ 8 สุดท้าย นี่ถือเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมมากแล้วสำหรับโรมาเนีย ชาติที่หลายคนมองเป็นเต๊งบ๊วยของกลุ่ม A ในฟุตบอลโลก 1994 ซึ่งความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
หากปราศจากผลงานของจอร์จี้ ฮาจี้ ที่เค้นฟอร์มเก่งสมกับเป็นนักเตะหมายเลขหนึ่งของโรมาเนียออกมาได้ทันเวลา ผลงาน 3 ประตูในฟุตบอลโลกคราวนี้ รวมถึงบทบาทการเป็นส่วนสำคัญที่พาบ้านเกิดเข้าสู่รอบ 8 ทีมได้สำเร็จ
ถือเป็นเครื่องยืนยันว่า จอร์จี้ ฮาจี้ มีผลงานน่าประทับใจแค่ไหนในศึกฟุตบอลโลก 1994 การติดทีมยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์จึงถือเป็นเรื่องเหมาะสมทุกประการ แถมยังเป็นเครื่องยืนยันให้เห็นว่า เขาคือนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของทีมชาติโรมาเนีย