เริ่มเกมมายังไม่ทันไร ก็มีลูกจุดโทษเกิดขึ้นในเกมนี้เสียแล้ว โดยผู้ตัดสินได้ตัดสินใจเดินไปดูจอ VAR ที่ข้างสนามในจังหวะที่ เลอันโดร ปาเรเดส โดนทำฟาลว์ในกรอบเขตโทษ จากนั้นผู้ตัดสินก็ตัดสินใจให้จุดโทษกับ อาร์เจนติน่า ทันที
และก็เป็น “ลีโอเนล เมสซี่” ที่เป็นคนสังหารจุดโทษเข้าไปแบบสบาย ๆ ในนาทีที่ 10 ทำให้ อาร์เจนติน่า ขึ้นนำ ซาอุดิอาระเบีย 1-0
นาทีที่ 22 อาร์เจนติน่า เสียโอกาสได้ประตูที่ 2 ไป หลังจากที่ เมสซี่ ยิงเข้าประตูไปแล้ว แต่เทคโนโลยีใหม่ของ ฟีฟ่า อย่างการเช็คล้ำกึ่งอัตโนมัติ ปฏิเสธประตูนี้ไป
นาทีที่ 27 อาร์เจนติน่า ก็ต้องมาหัวเสียจากเทคโนโลยีการเช็คล้ำหน้ากึ่งอัตโนมัติอีกครั้ง เพราะ เลาตาโร่ มาตาร์เนซ ชิพผ่านผู้รักษาประตูของ ซาอุดิอาระเบีย ไปแล้ว แต่ก็ต้องโดนปฏิเสธประตูไป
เกมครึ่งหลังผ่านมาได้ถึงนาทีที่ 48 อาร์เจนติน่า ก็มาเสียประตูให้กับ ซาอุดิอาระเบีย จากจังหวะที่ “ซาเลห์ อัล-เชห์รี่” หลุดเข้าไปยิงสวนตัว เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ไปแบบสบาย ๆ ทำให้ตอนนี้เกมเสมอกันอยู่ที่ 1-1
หลังจากเสียประตูตีเสมอมาได้เพียงแค่ 5 นาที ทัพฟ้าขาวก็ต้องมาเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เพราะอยู่ดี ๆ พวกเขาก็มาเสียประตูที่ 2 ให้กับ ซาอุดิอาระเบีย จากจังหวะยิงไกลสุดสวยของ “ซาเลม อัล-ดอว์ซารี่” เรียกได้ว่าในตอนนี้ สถานการณ์เริ่มพลิกกลับเสียแล้ว
จากนั้นไม่มีใครทำอะไรกันได้ อาร์เจนติน่า พลิกล็อคแพ้ให้กับ ซาอุดิอาระเบีย ไป 1-2 ทำให้ในตอนนี้ ซาอุดิอาระเบีย จะขึ้นไปนำจ่าฝูงของกลุ่มซีก่อนชั่วคราว ก่อนที่คู่ของ เม็กซิโก และ โปแลนด์ จะแข่งขันกันในคืนนี้ เวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก
