รักจริงไม่สร้างเรื่อง : ความหมายแท้จริงของ ‘อุลตร้า’ ที่ควรสู้เพื่อทีมที่รักไม่ใช่ก่อปัญหา

Author Photo
Inter Ultras 2018

จากเหตุการณ์ที่แฟนบอลกลุ่มอุลตร้าของทีมชาติไทย ได้ก่อเหตุความวุ่นวายด้วยการจุดพลุแฟร์ในสนาม บีจี สเตเดี้ยม หลังเกมที่ไทย แพ้ เกาหลีใต้ 1-4 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ของศึกฟุตบอลเยาวชน รุ่นอายุต่ำกว่า 17 ปีชิงแชมป์เอเชีย 2023  เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา

ล่าสุดทางคณะกรรมการวินัยและจริยธรรมของเอเอฟซี ได้แจ้งบทลงโทษของเหตุการณ์ดังกล่าวให้แก่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยได้ทราบเป็นที่เรียบร้อย โดยจะเป็นการปรับเงินเป็นจำนวนทั้งหมด 2,137,260 บาท จากความผิดสองกรณี

และแน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แฟนบอลสไตล์อุลตร้าของไทยฝ่าฝืนกฎที่กำหนดไว้โดย AFC จนต้องทำให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยได้รับความเดือดร้อน แต่พวกเขาเหล่านี้ยังออกมาปกป้องว่านี่คือการกระทำด้วยแพสชั่นเหมือนที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ

แต่ทำไมวัฒนธรรมอุลตร้าในเยอรมันถึงเป็นส่วนหนึ่งของสังคม แล้วแฟนอุลตร้าไทยกลับกลายเป็นตัวปัญหาที่ไม่มีใครอยากคุยด้วย ? เราพูดถึงความภูมิใจแบบผิด ๆ ของแฟนอุลตร้าภูมิภาคอาเซียนในบทความนี้ เช่นเดียวกับแก่นแท้ที่ชาวไทยยังเข้าไม่ถึงของวัฒนธรรมอุลตร้าในบทความนี้

ไม่ว่าคุณจะแฟนบอลกลุ่มไหนคุณก็สามารถร่วมสมัครเล่นสนุก ชิงรางวัลกับการแข่งขันฟุตบอลได้ที่นี่

รู้จักกับแฟนบอลอุลตร้า

คงต้องกล่าวกันให้ชัดเจนก่อนว่า กีฬาฟุตบอลในยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงความหมายไปมากจากต้นกำเนิดในช่วงศตวรรษที่ 19 

เนื่องจากเกมลูกหนังในปัจจุบันไม่ถูกจำกัดให้เป็นกีฬาของชนชั้นแรงงานที่ต้องมีความผูกพันกับการแข่งขันอย่างลึกซึ้งอีกต่อไป แต่กีฬาฟุตบอลได้ปรับตัวเองเป็นความบันเทิงรูปแบบใหม่ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ชมทั่วโลกเข้าถึงได้ โดยไม่จำเป็นต้องจริงจังกับการดูฟุตบอลมากนัก

การเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณของเกมฟุตบอลถือเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ตามกระแสโลกาภิวัฒน์ นั่นจึงทำให้การก่อกำเนิดของแฟนบอลรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “แฟนบอลโดยบังเอิญ” (Casual Fan) เกิดขึ้น ซึ่งแฟนบอลในลักษณะนี้มีมากที่สุดในยุคปัจจุบัน 

Vietnamese fans AFF Cup 121518
Getty Images

เพราะมนุษย์ทุกคนสามารถเป็นแฟนบอลโดยบังเอิญได้ หากพวกเขาต้องการเสพความสนุกแบบง่าย ๆ ผ่านหน้าจอทีวี เห็นได้ชัดจากศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม มีแฟนบอลจำนวนหนึ่งที่มีจุดยืนตรงข้ามกับแฟนบอลทั่วไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาไม่ได้ดูฟุตบอลเพื่อความบันเทิง, พวกเขาดูฟุตบอลเพราะชีวิตของพวกเขาผูกติดไว้กับทีมที่รัก, พวกเขาเลือกวิธีการแสดงออกอย่างรุนแรงเพื่อสนับสนุนทีมรัก และพวกเขาจะไม่มีวันหันหลังให้กีฬาฟุตบอล ... พวกเขาเหล่านี้เรียกตัวเองว่า “อุลตร้า”

กลุ่มแฟนบอลอุลตร้ามีแนวคิดชัดเจนที่บ่งบอกว่า ฟุตบอลคือชีวิตของพวกเขา ยิ่งบวกกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของวัฒนธรรมนี้ ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่ทศวรรษ 1960s หรือก่อนแนวคิดเศรษฐกิจเสรีนิยมใหม่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกฟุตบอล 

กลุ่มแฟนบอลอุลตร้าจึงมักมีความเชื่อว่า พวกเขาคือแฟนบอลที่ “จริงแท้” ที่สุดในโลกฟุตบอล และการกระทำของพวกเขาได้แสดงถึงความรักที่มีต่อกีฬาฟุตบอลอย่างที่ไม่มีแฟนกลุ่มไหนทัดเทียมได้

แต่ถึงแม้คอนเซปต์ของกลุ่มแฟนอุลตร้าจะยอดเยี่ยม เพราะนั่นช่วยให้สโมสรไม่ต้องเจ็บปวดกับการหายไปของแฟนบอลโดยบังเอิญที่จะสนใจทีมก็ต่อเมื่อฟอร์มดีเท่านั้น แต่การคงอยู่ของกลุ่มอุลตร้ายังนำมาซึ่งความรุนแรงที่บางครั้งเลยเถิดจนผู้คนเสียชีวิต 

เพราะเนื้อแท้อย่างหนึ่งของกีฬาคือการเอาชนะ และแฟนบอลอุลตร้าไม่ลังเลที่จะพาเกมลูกหนังกลับไปสู่รากเหง้าที่แท้จริงของมัน นั่นคือการบดขยี้คู่แข่งทั้งในและนอกสนาม

Alcara ultras

แพสชั่นของแฟนบอลกลุ่มอุลตร้าจึงไม่ได้การตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากแฟนบอลกลุ่มอื่น เพราะหากพิจารณาแค่ผลลัพธ์การกระทำของพวกเขา 

แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วกลุ่มอุลตร้าจะเป็นแฟนบอลที่รักทีมมากที่สุด ไม่มีความตามกระแสหรือเปลือกปลอมอยู่เลย แต่แทนที่จะได้รับคำชื่นชม พวกเขากลับสร้างเรื่องไม่เว้นวัน จนเกิดปัญหาบ่อยครั้ง

กลุ่มอุลตร้าแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากสร้างเรื่องราวแห่งความบ้าคลั่ง และป่าเถื่อนให้เกิดขึ้นโลกฟุตบอล ซึ่งสำหรับแฟนบอลส่วนใหญ่ในโลกปัจจุบัน ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากมือของแฟนบอลอุลตร้า ถือเป็นการตัดทอนชีวิตและลมหายใจของกีฬาฟุตบอลมากกว่าจะต่ออายุของมัน และนี่คือความจริงที่ใครก็ปฏิเสธไม่ได้

อุลตร้าที่ดีต้องเป็นส่วนหนึ่งของสังคม

ทั้งหมดที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ไม่ได้หมายความว่าคอนเซปต์โดยรวมของแฟนบอลอุลตร้า ถือเป็นเรื่องย่ำแย่และต้องขจัดทิ้งแต่อย่างใด เพราะความภาคภูมิใจในสโมสรหรือฟุตบอลทีมชาติ ถือเป็นความรู้สึกโดยทั่วไปที่แฟนบอลทุกกลุ่มสามารถสัมผัสได้ไม่มากก็น้อย 

ดังนั้นแล้ว การคงคอนเซ็ปต์ของแฟนบอลอุลตร้าเอาไว้ถือเป็นเรื่องดี แต่การกระทำที่ออกมาต่างหาก ซึ่งกำลังทำให้แฟนบอลอุลตร้าไม่มีที่ยืนในโลกฟุตบอลยุคใหม่

อธิบายให้เข้าใจก่อนว่า ฟุตบอลอุลตร้าไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อสีดำและทำหน้าตาบูดบึ้งจึงจะได้การยอมรับว่าแฟนบอลอุลตร้าตัวจริง เพราะวัฒนธรรมอุลตร้าที่ดีควรถูกตีความใหม่ เพื่อประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสังคมในแต่ละพื้นที่ 

ยกตัวอย่างเช่น ฟุตบอลเยอรมันที่ผูกติดกับวัฒนธรรมนี้มานาน กลุ่มอุลตร้าของพวกเขาจึงสามารถหาจุดกึ่งกลางระหว่างจิตวิญญาณแท้จริง กับความเป็นจริงในโลกฟุตบอลปัจจุบันได้อย่างดี นั่นจึงทำให้แฟนบอลนักท่องเที่ยวสามารถตีตั๋วเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงสีเหลืองแห่งโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้สบาย ตราบใดที่พวกเขาไม่ยกโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปบ่อยจนเกินไป

หรืออย่างในประเทศญี่ปุ่นซึ่งวัฒนธรรมอุลตร้าเพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน แฟนบอลสายฮาร์ดคอร์จึงได้ปรับเปลี่ยนการเชียร์แบบอุลตร้าให้เป็นการร้องเพลงเชียร์ตลอด 90 นาที โดยปราศจากการใช้พลุแฟร์, ความรุนแรง และไม่แม้กระทั่งต้องแต่งตัวสีดำเลียนแบบใคร

Getty Images

เพราะชาวญี่ปุ่นได้เลือกแต่วัฒนธรรมอุลตร้าที่เหมาะสมกับสังคมญี่ปุ่นเท่านั้น ส่วนการกระทำใดที่เกินเลยไปจากการยอมรับของสังคม แฟนบอลอุลตร้าญี่ปุ่นแค่เพียงตัดสิ่งนั้นทิ้ง โดยพวกเขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นอุลตร้าที่ด้อยกว่าอุลตร้าเยอรมันแม้แต่น้อย

ยิ่งเมื่อหันกลับไปมองจิตวิญญาณแท้จริงของกลุ่มอุลตร้าในฟุตบอลเยอรมัน ใจความแท้จริงของพวกเขาก็ไม่เคยมากเกินไปกว่า การร้องเพลงเชียร์ตลอด 90 นาที, การสวมตราสัญลักษณ์ของสโมสรด้วยจิตวิญญาณอันเปี่ยมล้น, การรวมตัวแฟนบอลที่เคยแบ่งแยกให้เป็นหนึ่ง และการสร้างความสุขให้ชีวิตผ่านการดูฟุตบอล

เมื่อพิจารณาจากปัจจัยข้างต้นนี้ จะพบว่าเนื้อแท้ของอุลตร้าเยอรมันและญี่ปุ่นไม่แตกต่างกัน เพราะพวกเขาแค่ปรับเปลือกนอกให้สอดคล้องกับสภาพสังคม 

โดยยังรักษาแก่นแท้ให้คงอยู่เช่นเดิม แต่น่าเสียดายที่การประยุกต์วัฒนธรรมอุลตร้าให้เข้ากับสภาพสังคมไม่ได้เกิดขึ้นในทุกประเทศ เพราะมีหลายครั้งที่กลุ่มอุลตร้ามักลอกเลียนเปลือกนอก แต่ไม่เคยคิดจะรักษาเนื้อในให้คงอยู่ถ่องแท้

นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เราเห็นกลุ่มอุลตร้ามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการฟุตบอลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มักพร่ำบอกว่าพวกเขาคือแฟนบอลอุลตร้าที่ถอดแบบแพสชั่นอันเปี่ยมล้นจากแฟนบอลตุรกี และเป็นแฟนบอลอุลตร้าที่ “แท้เสียยิ่งกว่าแท้”

Getty Images

ทั้งที่ความจริงแล้วกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้ลอดเลียนสิ่งใดนอกเสียจากความรุนแรง และพวกเขาก็ไม่เคยเข้าใกล้การเป็นแฟนบอลที่แท้จริง นอกเสียจากจะเข้าใกล้การเป็นกลุ่มอุลตร้าสายกุ๊ยที่สร้างความเอือมระอาให้กับผู้คนมากมาย เหมือนกับที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศอิตาลีขณะนี้

ปัญหาอุลตร้าอาเซียน เมื่อถ่อยแปลว่าเท่

เมื่อพูดถึงการกระทำอันไม่เป็นที่น่าประทับใจของแฟนบอลอุลตร้า สิ่งของจำพวกพลุแฟร์, พลุไฟ, ป้ายเชียร์ที่มีข้อความรุนแรง, เสียงระเบิด และแฟนบอลนิสัยไม่เป็นมิตร ทั้งหมดล้วนผุดขึ้นมาในความทรงจำของแฟนบอลชาวไทยได้อย่างไม่ต้องพยายามนัก 

เพราะสิ่งของเหล่านี้สามารถพบเห็นได้บ่อยเช่นกันในวงการฟุตบอลไทย ซึ่งแน่นอนว่าหากไม่สามารถควบคุมการแสดงออกของกลุ่มแฟนบอลอุลตร้าให้อยู่ในขอบเขตได้ นี่จะไม่ใช่เรื่องดีกันแบบตรงไปตรงมา

แน่นอนว่าแฟนบอลอุลตร้าส่วนใหญ่มักจะมองว่าการกระทำเหล่านี้ถือเป็นเรื่องสากล เนื่องจากประเทศที่เจริญแล้วในฝั่งตะวันตก เช่น เยอรมัน แฟนบอลอุลตร้าของพวกเขาต่างจุดพลุไฟ และแขวนป้ายเชียร์ที่มีข้อความรุนแรงเป็นปกติ ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา 

หากแฟนบอลในแถบอาเซียนสามารถลอกเลียนวิธีการของกลุ่มอุลตร้าเยอรมันออกมาได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแนวคิด หรือการกระทำ แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะสิ่งหนึ่งที่ผู้คนมักไม่พูดถึงเมื่อกล่าวถึงวัฒนธรรมอุลตร้า คือการยืนหยัดเพื่อต่อสู้กับความชั่วร้ายนอกสนาม 

Getty Images

การกระทำเพื่อปกป้องสังคมและกีฬาที่เขารัก เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากลุ่มอุลตร้าของบาเยิร์น มิวนิค แขวนธงที่สนับสนุนกลุ่มผู้หลากหลายทางเพศ และเรียกร้องให้ต่อต้านความสัมพันธ์ที่สโมสรมีต่อประเทศกาตาร์ ซึ่งทีมชาติเยอรมันเองได้แบกเจตนารมณ์นี้เอาไว้ ก่อนแสดงท่าปิดปากในศึกฟุตบอลโลก 2022 ในภายหลัง

นอกเหนือจากนี้แล้ว กลุ่มอุลตร้าที่เยอรมันยังช่วยงานอีกมากทางสังคม โดยเฉพาะช่วงระบาดของไวรัส COVID-19 พวกเขาคือคนที่รณรงค์ให้คนออกมาฉีดวัคซีน, แจกอาหารตามพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ช่วยให้คนไม่ต้องออกจากบ้าน ไปจนถึงช่วยเหลือผู้ยากไร้ที่เจอปัญหาด้านเศรษฐกิจในช่วงโรคระบาด

นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ยืนยันให้เห็นว่าวัฒนธรรมอุลตร้าจะคงอยู่ไม่ได้เลย หากพวกเขาไม่ทำให้มันเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวทางสังคมในทางใดทางหนึ่ง น่าเสียดายที่แฟนบอลอุลตร้าไม่เคยเข้าใกล้กับการยืนหยัดต่อสู้เพื่อสังคมที่แท้จริงแบบแฟนบอลในเยอรมันเลย 

เพราะแฟนบอลอุลตร้าในภูมิภาคนี้ลอกเลียนมาแค่การจุดพลุไฟ และความรุนแรงในรูปแบบอื่น โดยไม่สนใจเลยว่าพวกเขาได้ปกป้องหรือร่วมกันต่อสู้เพื่อสร้างสังคมทีดีกว่าหรือไม่

แฟนบอลอุลตร้าในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จึงไม่มีความแตกต่างจากแฟนบอลขาจรตากกระแสแม้แต่น้อย เพราะถ้าหากฝ่ายหลังดูบอลตามกระแสเกินไปจนลืมแพสชั่นที่แท้จริงของฟุตบอล ฝ่ายแรกก็คลั่งไคล้เกมลูกหนังมากเกินไปจนไม่สนใจการกลับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม

St Etienne Rennes ultras fans

กล่าวคือ ต่างฝ่ายเพียงเป็นแฟนบอลที่อยากทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำเท่านั้น โดยสำหรับแฟนบอลอุลตร้าคือการจุดพลุ เพื่ออ้างว่าตัวเองคือแฟนบอลของจริงแบบชาวตุรกี โดยไม่ลืมตามมามองความจริงเลยว่าการกระทำของพวกเขาขับไล่ผู้คนมากมายแค่ไหนออกจากฟุตบอลไทย  

ความจริงคือ The Guardian สื่อดังจากประเทศอังกฤษได้ตีพิมพ์บทความตั้งแต่ปี 2007 ว่าวัฒนธรรมความรุนแรงแบบเก่าควรจะหายไปจากโลกได้แล้ว 

แต่สิ่งที่น่าเศร้าคือในภูมิภาคประเทศโลกที่สามแบบอาเซียน พวกเรายังคงหล่อเลี้ยงความรุนแรงในวัฒนธรรมอุลตร้าเอาไว้ ราวกับมันเป็นสิ่งล้ำค่าที่ต้องปกป้อง ทั้งที่ความจริงผู้คนมากมายในประเทศเจริญแล้วทางความคิดและสังคม ต่างหันหลังให้กับความรุนแรงเหล่านี้

เราขอยืนยันอีกครั้งว่าแก่นกลางของวัฒนธรรมอุลตร้าเป็นสิ่งที่ดี และจะมีประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมเหมือนกับที่เกิดขึ้นในเยอรมันและญี่ปุ่น หากวัฒนธรรมนี้เดินทางไปในรูปแบบที่ถูกต้อง 

แต่กลุ่มอุลตร้าในภูมิภาคอาเซียนกลับใช้มันเป็นเครื่องมือส่งเสริมความรุนแรงผ่านการเปลี่ยนเกมฟุตบอลเป็นสงคราม และเลือกประณามคนที่ไม่เห็นด้วยให้เป็นพวกแฟนบอลที่ไม่ได้รักทีมจริง แต่ใช้ความรักที่มีต่อทีมเป็นข้ออ้างในความสะใจส่วนตัว

Selangor fans ultraSel protesting by wearing black during their match against Kedah 6/8/2016

นี่คือคำถามที่วงการฟุตบอลไทยต้องตอบให้ได้ว่าเราจะเลือกเดินไปทางไหนกับวัฒนธรรมอุลตร้าหลังจากนี้ เพราะหากไม่มีการแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจัง การถูกปรับไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น 

เพราะการโจมตีกรรมการ, การล่าแม่มดนักเตะสักคนที่พวกเขาไม่ถูกใจ หรือการตามไปกดดันทีมตรงข้ามนอกสนามจนนำมาสู่เหตุการณ์เลยเถิด จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนหลังจากนี้ เพราะมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วที่อิตาลี โดยไม่มีใครสามารถหยุดยั้งความรุนแรงเหล่านี้ได้

สนามฟุตบอลจะเป็นพื้นที่ซึ่งผู้คนทุกเพศวัยสามารถเข้าไปดูอย่างสบายใจ หรือมันจะกลายเป็นพื้นที่ซึ่งคนกลุ่มหนึ่งอยากทำอะไรก็ได้ โดยไม่สนใจสังคมรอบข้าง และใช้ความรักในกีฬาฟุตบอลเป็นข้ออ้าง ? นี่คือสิ่งที่วงการฟุตบอลไทยจำเป็นต้องให้คำตอบ 

ก่อนที่วงการนี้จะกลายเป็นซอมบี้เดินได้ เพราะนอกจากแฟนบอลที่หายใจเข้าออกเป็นฟุตบอลไทย ก็ไม่มีใครดูจะสนใจวงการนี้อีกแล้ว

เช็คโปรแกรมถ่ายทอดสดกีฬาวันนี้ที่นี่

ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา

Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand

ผู้แต่ง
Author Photo
บรรณาธิการบริหาร The Sporting News Thailand
LATEST VIDEOS