ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ มาซาทาดะ อิชิอิ กำลังได้รับคำชื่นชมอย่างมากในตอนนี้ เนื่องจากพวกเขาทำผลงานได้ดีในศึก เอเชียนคัพ 2023 ที่ประเทศกาตาร์
ทัพช้างศึก มีสถิติชนะ 1 เสมอ 2 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม ไม่แพ้ใคร, ไม่เสียประตูให้ใคร และแถมในเกมสุดท้ายยังสามารถปิดจ๊อบยันเสมอกับทีมแกร่งอย่างซาอุดิอาระเบียได้ 0-0
สุดท้ายแล้วทีมชาติไทย ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายหรือว่าน็อคเอาท์ด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่ม F โดยที่จะต้องเข้าไปเจอกับอีกหนึ่งทีมแกร่งของเอเชียอย่างอุซเบกิสถาน
แต่ก่อนที่เกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้น The Sporting News ขอพาทุกท่านไปรู้จักกับทีม ๆ นี้ให้มากขึ้น ว่าทีมชาติไทยของเรามีอะไรและจุดไหนที่ต้องสนใจและควรระวังเอาไว้บ้าง ตามอ่านต่อได้ที่นี่
ระยะห่าง 32 อันดับ
ในปัจจุบัน ทีมชาติไทย ที่สามารถเสมอซาอุดิอาระเบียมาได้ ทำให้พวกเขามีอันดับที่ดีขึ้นโดยที่ขยับไปอยู่อันดับที่ 100 ของโลก แต่ทาง อุซเบกิสถาน มีอันดับที่ดีกว่าเราเยอะ เพราะพวกเขาอยู่ในอันดับที่ 68 เลยทีเดียว
แถมก่อนหน้านี้ เมื่อหลายปีก่อน พวกเขายังเคยอยู่ในอันดับที่ 45 และ 50 ของโลกมาแล้ว นั่นหมายความว่า ทีมที่เราต้องเจอ ถึงว่าเป็นทีมระดับท็อป ๆ ของโลกอยู่เหมือนกัน แม้ว่าจะเป็นทีมที่อยู่ในโซนเอเชียก็ตาม
ผลงานล่าสุด
หลังจากที่ฟอร์มการเล่นตกลงในปี 2020 และ 2021 แต่ ล่าสุด พวกเขาไม่แพ้ใครมา 10 เกมติดต่อกันแล้ว แถมยังเป็นการเอาชนะได้มากถึง 6 เกมด้วยกัน
ในขณะที่ผลงานในศึกเอเชียนคัพ 2023 รอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาเสมอซีเรีย 0-0, ชนะอินเดีย 3-0 และ เสมอทีมแกร่งอย่างออสเตรเลียมา 1-1
และใน 5 นัดหลังสุดที่พวกเขาลงเล่นในเอเชียนคัพ พวกเขาสามารถผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้ทั้งหมด นั่นหมายความว่าพวกเขามีมาตรฐานที่ดีมาก ๆ ในรายการนี้
แผนการเล่น
อุซเบกิสถาน จะเน้นการเล่นโดยใช้แผน 3-4-3 ในเกมที่พวกเขาเจอกับคู่แข่งที่เน้นเกมรุกอย่างหนัก อย่างเช่นในเกมกับ ซีเรีย และ ออสเตรเลีย โดยที่พวกเขาจะใช้แท็คติกรับและรอสวน
ซึ่งพวกเขาก็ทำแบบนั้นได้อย่างดี เนื่องจากตอนนี้ พวกเขาเสียไปแค่ประตูเดียวเท่านั้นและยิงได้ถึง 4 ประตูจากในรอบแบ่งกลุ่ม 3 นัด
แต่ถ้าหากว่าพวกเขาเล่นเจอกับทีมที่มีศักยภาพต่ำกว่า อุซเบฯ จะมีการเปลี่ยนแผนไปใช้แผนอื่นที่เน้นเกมรุกอย่างเต็มสูบมากขึ้น อย่างเช่นในเกมที่เอาชนะ อินเดีย 3-0
ผู้ที่ควรระวัง
ออสตัน อูรูนอฟ (กองกลาง) : แม้ว่าจะเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ แต่ อูรูนอฟ ก็สามารถโยกไปเล่นในตำแหน่งปีกได้เช่นกัน เนื่องจากเขามีทั้งความเร็วและการจบสกอร์ที่ดี หลังมีสถิติยิงไป 4 ประตูจาก 19 เกมในวัยเพียงแค่ 23 ปี
โอตาเบ็ค ชูคูรอฟ (กองกลาง) : นี่คือกองกลางมากประสบการณ์อันดับที่ 2 ของทีมชุดนี้ นอกจากสกิลการเอาตัวรอดและการจ่ายบอลที่แพรวพราวแล้ว เขายังสามารถยิงประตูได้ในเกมที่มีความกดดันหรือว่ามีโอกาสลอยมาหาเขาด้วย
รุสตัม อชูมาตอฟ (กองหลัง) : ในแผงแนวรับ 3 คนของอุซเบฯที่มีความแข็งแกร่งอย่างมา ส่วนสำคัญนั้นก็มาจากกองหลังมากประสบการณ์อย่าง อชูมาตอฟ ที่คอยสั่งการและจัดระเบียบแนวรับของทีมอยู่ตลอดเวลา
อชูมาตอฟ เป็นนักเตะที่มีประสบการณ์มากที่สุดในทีมชุดนี้ของอุซเบกิสถานแล้ว เนื่องจากจนถึงตอนนี้เขาลงเล่นให้กับทีมบ้านเกิดไปแล้ว 31 นัด แถมยังเคยเล่นให้กับทีมดังจากรัสเซียอย่าง รูบิน คาซาน มาแล้วด้วย
ไทย พบ อุซเบกิสถาน วันไหน?
สำหรับเกมที่ทีมชาติไทย จะลงเล่นกับ อุซเบกิสถาน จะทำการแข่งขันกันในวันที่ 30 มกราคม เวลา 18.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
ลุ้นรางวัลใหญ่ เชียร์ทีมชาติไทยถึงเกาหลีใต้
ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด
ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา
Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand