เจาะแท็คติกนัดชิงแชมเปียนส์ลีก : อินเตอร์ยอดเยี่ยมแต่หยุดแมนซิตี้คว้าแชมป์ไม่ได้ 

Author Photo
Pep Guardiola and Man City
Getty Images

ในที่สุด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็สามารถคว้าถ้วยบิ๊กเอียร์มาครองได้เสียที หลังจากที่ เอาชนะ อินเตอร์ มิลาน 1-0 ในนัดชิงยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2022-23

แต่ถึงแม้ว่าทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะจบเกมด้วยชัยชนะ แต่รูปเกมไม่ได้เหนือกว่า อินเตอร์ มิลาน มากเท่าไหร่ จนเกือบจะเสียประตูอยู่บ่อยครั้ง

อินเตอร์ มิลาน ป้องกันแผน Build Up ของ แมนฯ ซิตี้ ได้อย่างไร และประตูเดียวที่เกิดขึ้นของ โรดรี้ เกิดจากอะไร? ติดตามได้ที่นี่

ร่วมเล่นสนุก ชิงรางวัลกับการแข่งขันฟุตบอลประจำวันได้ที่นี่

เกมรับแบบฉบับอิตาลีของ อินเตอร์ มิลาน

เกมที่ดูเหมือนจะง่ายของ แมนฯ ซิตี้ ที่ดูเหนือกว่าในหลาย ๆ ด้าน ทั้งฟอร์มในสนาม และคุณภาพของผู้เล่น แต่ทว่าการเล่นเกมรับสไตล์ฟุตบอลอิตาลีของลูกทีม ซิโมเน่ อินซากี้ ทำให้ ทีมแชมป์จากพรีเมียร์ลีกไปไม่เป็น

เริ่มจาก 11 ตัวจริงของ แมนฯ ซิตี้ ที่มาในระบบ 3-2-4-1 โดยมี มานูเอล อคานจี, รูเบน ดิอาส และนาธาน อาเก้ เป็น 3 กองกลัง ส่วนกลางรับ 2 คนใช้เป็น โรดรี กับ จอห์น สโตนส์ ส่วน แบร์นาร์โด ซิลวา, อิลคาย กุนโดกัน, เควิน เดอ บรอยน์ และ แจ็ค กรีลิช ทำเกมรุกอยู่ข้างหลัง เออร์ลิง ฮาลันด์

ขณะที่ อินเตอร์ มิลาน มารับอย่างเต็มที่ ด้วยระบบ 3-5-2 และบางทีก็จะเห็นเป็นหลัง 5 ด้วยซ้ำ โดย อินเตอร์ พยายายามเพรสสูง เพื่อไม่ให้ผู้เล่นของ แมนฯ ซิตี้ เล่นง่าย พวกเขาประกบแบบ Man To Man ตั้งแต่เริ่มเกม

เอดิน เชโก้ และ เลาตาโร มาร์ติเนซ เพรสซิ่งสูงเพื่อประกบ อคานจี และ ดิอาส ส่วน เดนเซล ดุมฟรีส์ ขึ้นสูงเหมือนเป็นกองหน้าอีกคนเพื่อประกบ อาเก้ และ เดอ บรอยน์ ขณะที่ 2 ตัวรุกด้านข้างอย่าง กรีลิช กับ แบร์นาร์โด ก็ถูกแนวรับของ อินเตอร์ ประกบติดและไม่ปล่อยให้เล่นง่าย ส่วน เออร์ลิง ฮาลันด์ แทบหายไปจากเกม หลังโดน ฟรานเชสโก้ อแชร์บี ตามเป็นเงา

แม้บางทีผู้เล่นของ อินเตอร์ จะไม่ได้ตามประกบแบบ Man To Man เสมอไป แต่สิ่งที่พวกเขาพยายามทำคือเล่นแบบรัดกุม เข้าบอลแบบถึงเนื้อถึงตัว และไม่ปล่อยให้ซิตี้มีพื้นที่และเวลา เพื่อทำให้แน่ใจว่าเกมตรงกลางที่เป็นทีเด็ดของ แมนฯ ซิตี้ นั้นเล่นยาก จึงเห็นได้ว่าในครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ แทบไม่มีโอกาสทำประตูจากการจ่ายบอลจากตรงกลาง และเป็น 45 นาทีแรกที่อึดอัดมาก ๆ สำหรับ เรือใบสีฟ้า

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า “Back To Basic”

และในเมื่อครึ่งแรกแท็คติกที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า วางมาไม่ได้ผล เนื่องจากถูก อินเตอร์ มิลาน เพรสซิ่งสูงตั้งแต่เริ่มเกม ทำให้การ Build Up จากแดนหลัง ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเกมรุกในฤดูกาลนี้ ไม่สามารถทำได้

ครึ่งหลัง เป๊ป จัดการเปลี่ยนแผนการเล่น โดยการถอย สโตนส์ จากการเล่นเป็นกองกลาง มาเล่นเป็นแบ็คขวา ถ่าง อาเก้ ไปยืนเป็นแบ็คซ้าย และกลับมาเล่นในระบบหลัง 4

โดยมี โรดรี้ เป็นกองกลางตัวรับเพียงคนเดียว ประสานงานร่วมกับ กุนโดกัน และโฟเด้น ในแดนกลาง ขณะที่ปีกทั้ง 2 ข้าง ก็กลับไปเล่นในรูปแบบเดิม หรือเอาง่าย ๆ คือ เป๊ป เลือกที่จะ “Back To Basic”

ซึ่งแน่นอนว่าระบบ 4-3-3 นี้คือแผนที่ เป๊ป เคยใช้จนประสบความสำเร็จกับ บาร์เซโลนา และมันก็ได้ผลอีกครั้งกับ แมนฯ ซิตี้ แม้ในช่วงแรกนักเตะดูยังสับสนนิดหน่อย แต่พอเล่นไปเรื่อย ๆ ระบบหลัง 4 ทำให้ แมนฯ ซิตี้ เล่นได้อย่างลื่นไหลแบบเห็นได้ชัด

ซึ่งประตูชัยในเกมนี้ก็มาจากการที่ สโตนส์ สร้างความกังวลให้แก่แนวรับของ อินเตอร์ ด้วยการถ่างออกมารับบอลด้านข้าง จนทำให้ เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้ วิงแบ็คซ้ายไม่ได้ระวังด้านหลัง จน อคานจี จ่ายทะลุช่องให้ แบร์นาร์โด ที่สอดมาจนได้โอกาสเปิดบอลเข้าเขตโทษ ก่อนถูกสกัดมาเข้าทาง โรดรี้ ที่วิ่งมาซัดประตูประวัติศาสตร์ของสโมสร 

ระบบ 3-2-4-1 ที่พา แมนฯ ซิตี้ ครองความยิ่งใหญ่มาตลอดทั้งฤดูกาลนี้ กลายเป็นว่าใช้ไม่ได้ผลกับการเจอทีมที่มารับใส่ตั้งแต่เริ่มเกม และมันทำให้ระบบ 4-3-3 ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กลายเป็นหมัดน็อคในการพาสโมสรเป็นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ครั้งแรกของสโมสร

บทความที่เกี่ยวข้อง : โรดรี้ : เปิดประวัติยอดกองกลางชาวสเปนผู้พาแมนซิตี้คว้าแชมป์ UCL

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก

ผู้แต่ง
Author Photo
นักเขียน The Sporting News Thailand ผู้ที่หลงไหลในเสน่ห์ของฟุตบอล
LATEST VIDEOS