แน่นอนว่าจะไม่มีการมอบรางวัลลูกบอลทองคำหรือรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของฟุตบอลโลก จนกว่าการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจะสิ้นสุดลง ซึ่งรางวัลนี้ก็เป็นหนึ่งในรางวัลที่สำคัญพอ ๆ กับแชมป์โลก
ในฟุตบอลโลกหนนี้ มีทั้งนักเตะระดับตำนาน, สตาร์ดัง และดาวรุ่งฟอร์มแรง ที่ต่างก็ต้องการคว้ารางวัลนี้มาเป็นที่ครอบครองของตัวเอง
ตลอดการแข่งขันรอบที่ผ่านมา นักเตะอย่าง เอ็มบัปเป้ กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นเหนือกว่าผู้เล่นทุกคนในฟุตบอลโลกครั้งนี้ และแม้ว่า อังกฤษ จะทำให้เขาพบเจอกับความยากลำบากในรอบก่อนรองชนะเลิศ แต่กองหน้าวัย 23 ปีรายนี้ก็มีโอกาสที่จะกลับมาโชว์ฟอร์มร้อนแรงได้อีกครั้งในเกมรอบรองชนะเลิศที่จะพบกับ โมร็อกโก ในวันพรุ่งนี้
แต่นอกจาก เอ็มบัปเป้ แล้วจะมีนักเตะคนไหนอีกบ้างที่เป็นตัวเต็งของรางวัลนี้ ติดตามได้ที่นี่
5. อัชราฟ ฮาคิมี (โมร็อกโก)
หากคุณกำลังมองหาผู้ท้าชิงรางวัลนี้จาก โมร็อกโก นักเตะอย่าง อัชราฟ ฮาคิมี คือหนึ่งในตัวเต็ง
แม้เขาจะมีทักษะเกมรุกที่ดี แต่เกมรับเขาก็ยอดเยี่ยมด้วย โดยชาติจากแอฟริกาทีมนี้อยู่รอดได้เพราะเกมรับล้วน ๆ เพราะตลอด 5 เกมที่ผ่านมาสุดยอดนักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เควิน เดอ บรอยน์, อัลบาโร โมราตา หรือคนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถทำประตูพวกเขาได้เลย
ฮาคิมี เป็นนักเตะที่ลงเล่นด้วยจำนวนนาทีในฟุตบอลโลกครั้งนี้มากที่สุดสำหรับ โมร็อกโก ยกเว้น โซฟิยาน อัมราบัต และ ฮาคิม ซิเยค โดย ฮาคิมี นั้นเข้าปะทะสำเร็จ 13 จาก 19 ครั้งส่งผลให้ทีมของเขาได้ครองบอลมากขึ้น ซึ่งก็แน่นอนว่าเขาไม่เคยสร้างความผิดพลาดจนนำไปสู่การถูกคู่ต่อสู้ยิงประตูเลยสักครั้ง
แต่ในเกมที่เหลือเขาอาจต้องเล่นเกมรุกมากขึ้น และ โมร็อกโก ต้องชูถ้วยแชมป์โลกใหเได้ เพื่อให้ ฮาคิมี นั้นมีโอกาสอย่างแท้จริงสำหรับรางวัลนี้
4. ลูกา โมดริช (โครเอเชีย)
แน่นอนว่าทีมตราหมากรุกกลับมาอีกครั้งในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งก็อาจไม่มีทีมไหนที่ยืดหยุ่นไปกว่านี้อีกแล้วในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก เพราะพวกเขาก็ทำแบบนี้มาได้แล้วในปี 2018
มีเหตุผลมากมายที่พวกเขายังโชว์ฟอร์มได้ดี แต่ ลูกา โมดริช คือหนึ่งในเหตุผลนั้น หากจะว่ากันตามจริงแล้ว ผลงานของ มาร์เซโล โบรโซวิช ก็น่าประทับใจเช่นกัน ซึ่งก็รวมไปถึง มาเตโอ โควาซิช ด้วย
แม้จากมีอายุถึง 37 ปีแล้ว แต่ โมดริช ก็ยังผ่านบอลได้อย่างแม่นยำ แถมยังลงเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษได้แบบสบาย ๆ ดังนั้นนี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาควรจะเป็นหนึ่งในตัวเต็ง
หาก โครเอเชีย คว้าแชมป์โลกได้ เราก็คงจะได้เห็นตัวเต็งจากทีมตราหมากรุก และมันก็คงจะเป็นเรื่องโง่ที่จะตัดชื่อของนักเตะอย่าง อิวาน เปริซิช ออกไป อย่างไรก็ตาม โมดริช นั้นมีโอกาสได้รางวัลนี้ที่สุด
3. อองตวน กรีซมันน์ (ฝรั่งเศส)
กรีซมันน์ กลายมาเป็นนักเตะที่แอสซิสต์มากที่สุดในฟุตบอลโลก 2022 ในเกมที่ ฝรั่งเศส คว้าชัยเหนือ อังกฤษ 2-1 และนั่นเป็นสิ่งเดียวที่เขาได้รับจากเกมนี้ เพราะรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมทช์ นั้นถูกมอบให้กับ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ แทน
น่าแปลกใจว่าคนมอบรางวัลได้ดูเกมหรือไม่? กรีซมันน์ เป็นนักเตะที่โดดเด่นมาก เขาเจาะแนวรับของทีมชาติอังกฤษได้อย่างต่อเนื่อง และชนะการดวลได้ถึง 6 ครั้ง จ่ายบอลเข้ากรอบ 5 ครั้ง และแอสซิสต์อีก
หาก กรีซมันน์ ยังเล่นแบบนี้ได้อีก 2 เกม เขาอาจเป็นผู้คว้ารางวัลลูกบอลทองคำ แม้ว่า เอ็มบัปเป้ จะยิงอีก 2 ประตูก็ตาม
2. ลีโอเนล เมสซี (อาร์เจนตินา)
เมสซี มอบทุกสิ่งที่ทีมของเขาต้องการเพื่อผ่านเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศด้วยชัยชนะเหนือ เนเธอร์แลนด์ โดยในเกมนี้ เมสซี ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขานั้นเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของโลกจริง ๆ
การแอสซิสต์ของเขากับประตูแรกของ อาร์เจนตินา ในเกมพบกับ เนเธอร์แลนด์ คืองานศิลปะอย่างแท้จริง จากนั้นเขาก็มายิงจุดโทษให้ทีมขึ้นนำเป็น 2-0 แต่ทัพฟ้าขาวก็เกือบจะต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านไปแล้ว ถ้าหากไม่ชนะในการดวลจุดโทษตัดสิน หลังจากปล่อยให้ทีมกังหันลมมาตามตีเสมอได้ในช่วงท้ายเกม
เมสซี ทำประตูสำคัญในเกมที่พบกับเม็กซิโกในรอบแบ่งกลุ่ม — การยิงไกลที่ทรงพลังจากระยะ 28 หลา — และทำแบบนี้ได้อีกในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่พบกับ ออสเตรเลีย
ใน วัย 35 ปี เมสซี ดูเหมือนจะสร้างโอกาสสำคัญได้ไม่มากเท่ากับเมื่อ 10 ปีก่อน แต่เขายังคงเป็นที่หวาดกลัวของบรรดากองหลังฝ่ายตรงข้ามอยู่ตลอด
และถ้าหาก อาร์เจนตินา ได้ชูถ้วยแชมป์โลก ก็คงไม่ต้องบอกว่าใครจะได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยม
1. คิลิยัน เอ็มบัปเป้ (ฝรั่งเศส)
ก่อนจะเริ่มทัวร์นาเมนต์ทัพตราไก่ขาดนักเตะคนสำคัญไปหลายรายด้วยอาการบาดเจ็บ แต่หลังจากเริ่มการแข่งขันมาจนถึงปัจจุบัน ฝรั่งเศส ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการขาดหายไปของนักเตะบางคนนั้นไม่มีผลสำหรับพวกเขา เพราะทัพตราไก่ยังมีหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกอยู่กับทีม
พวกเขาชนะทุกเกมที่ เอ็มบัปเป้ ลงเล่นเป็นตัวจริง – ซึ่งเกมที่แพ้ให้กับ ตูนิเซีย ในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มนั้นกองหน้ารายนี้ก็ลงมาเป็นแค่ตัวสำรองและทำประตูให้กับทีมไม่ได้ในนัดนั้น
โดยในตอนนี้เขานำเป็นดาวซัลโวของฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการทำไป 5 ประตู ซึ่งน้อยกว่าจำนวนที่ แฮร์รี่ เคน ทำได้ในปี 2018 แต่ เอ็มบัปเป้ ยังมีเกมให้ลงเล่นอีกอย่างน้อย 1 เกม
เอ็มบัปเป้ คืออีก 1 เหตุผลที่พวกเขาไม่ตกรอบฟุตบอลโลกไปเสียก่อน – เพราะแชมป์ฟุตบอลโลก 3 ครั้งที่ผ่านมาต่างก็ต้องล้มเหลวในการเล่นรอบแบ่งกลุ่มกันทั้งสิ้น
แบบจำลองทางสถิติที่ FotMob.com ให้คะแนนเอ็มบัปเป้ 9.3 ในชัยชนะรอบ 16 ทีมสุดท้ายเหนือ โปแลนด์ ซึ่งเป็นเกมที่เขายิงเข้ากรอบไป 3 จาก 4 ครั้ง และจ่ายบอลสำเร็จ 31 ครั้งจากทั้งหมด 35 ครั้ง แม้ว่าเขาจะทำประตูในเกมที่พบกับ อังกฤษ ไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปด้อยค่านักเตะรายนี้
แน่นอนว่าถ้า ฝรั่งเศส ป้องแชมป์โลกได้ เอ็มบัปเป้ ก็อาจจะเป็นคนคว้ารางวัลนี้ไปถ้าหากเขาโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมทีมชาติของอย่าง อองตวน กรีซมันน์ ในเกมที่เหลือ
NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก
