ในอีกไม่ช้านี้เชื่อว่าชื่อของ เออร์ลิง ฮาลันด์ จะอยู่ในทำเนียบของกองหน้าที่ดีที่สุดของโลกอย่างแน่นอน เพราะด้วยวัยเพียง 22 ปี แต่กลับมีผลงานอันโดดเด่น และจำนวนประตูในแต่ละปีที่น่าทึ่ง
ซึ่งในฤดูกาลนี้ ฮาลันด์ สามารถคว้ารางวัลดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีกมาครองได้ตั้งแต่การลงเล่นเพียงฤดูกาลแรกเท่านั้นด้วยการซัดไป 36 ประตู และเป็นกองหน้าคนสำคัญที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามหามานาน เพื่อเป้าหมายในการคว้า ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ครั้งแรกของสโมสร
และแน่นอนว่า ฮาลันด์ คือคีย์แมนคนสำคัญในการพาทีมมาถึงนัดชิงได้สำเร็จ แต่ก่อนที่จะไปลุ้นว่า เออร์ลิง ฮาลันด์ จะช่วยทีมเป็นแชมป์ยุโรปตามเป้าหมายที่วางไว้ ได้หรือไม่ The Sporting News Thailand อยากพาทุกท่านไปรู้จักกับนักเตะระดับปรากฏการณ์รายนี้ให้มากขึ้น
ร่วมเล่นสนุก ชิงรางวัลกับการแข่งขันฟุตบอลประจำวันได้ที่นี่
ประวัติส่วนตัวของ เออร์ลิง ฮาลันด์
- ชื่อเต็ม : เออร์ลิง เบราท์ ฮาลันด์
- วันเกิด : 21 กรกฎาคม 2000
- อายุ : 22 ปี
- น้ำหนัก : 88 กิโลกรัม
- ส่วนสูง : 194 เซนติเมตร
- ทีมที่เล่น : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เส้นทางลูกหนังของ เออร์ลิง ฮาลันด์
เออร์ลิง เบราท์ ฮาลันด์ คือลูกชายแท้ ๆ ของ อัลฟ์-อิงเก้ ฮาลันด์ อดีตกองกลางของน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, ลีดส์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ ฮาลันด์ผู้ลูกได้เชื้อคุณพ่อ มาเต็ม ๆ และหลงรักฟุตบอลตั้งแต่วัยเยาว์
ฮาลันด์ เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังกับการเป็นเด็กฝึกของสโมสรบริน ในลีกนอร์เวย์ แต่ด้วยฝีเท้าที่เก่งเกินวัย รูปร่างที่สูงใหญ่เหมือนไม่ใช่เด็ก และสัญชาติญาณกองหน้าดั่งฉลามได้กินคาวเลือด จึงทำให้ ฮาลันด์ แบกอายุเล่นกับคนอายุเยอะกว่าตนเองอยู่เสมอ และได้โอกาสขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของบรินได้สำเร็จ
กระทั่งในปี 2016 ฮาลันด์ ที่มีอายุเพียง 15 ปี 9 เดือน ก็ได้ประเดิมสนามฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งแรกในชีวิตในเกมที่พบ เรนไฮม์ จึงทำให้เขากลายเป็นแข้งดาวรุ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก จนฟอร์มของเขาไปเข้าตา โมลด์ ยักษ์ใหญ่ของนอร์เวย์ ที่เวลานั้นมี โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เป็นกุนซือ
ฮาลันด์ เซ็นสัญญากับ โมลด์ ในปี 2017 และได้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวที่นี่ แม้ฤดูกาลแรก จะยิงได้เพียง 4 ประตูเท่านั้น แต่ฤดูกาลถัดมาต่างหากที่คือของจริง เมื่อ ฮาลันด์ เริ่มปรับตัวได้จนกลายเป็นกองหน้าคนสำคัญของทีมบนวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น ซึ่งปี 2018 ฮาลันด์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และมีเกมที่ยิงคนเดียว 4 ประตูภายใน 21 นาทีแรก ก่อนละจบฤดูกาลด้วยการยิงไปทั้งสิ้น 12 ประตู
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ความโดดเด่นของ ฮาลันด์ ไปเข้าตาบิ๊กทีมอย่าง เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ที่คว้าตัวเขาไปร่วมทีมเมื่อปี 2019 และถึงแม้จะไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ระดับทวีป แต่นี่ถือเป็นก้าวที่สำคัญของ ฮาลันด์
เพราะกับ ซัลซ์บวร์ก เขาได้ลงเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งแรกในชีวิต เมื่อฤดูกาล 2019–20 ก่อนที่หลังจากนั้น ฮาลันด์ จะสร้างสิ่งมหัศจรรย์แก่วงการฟุตบอลยุโรป ด้วยการเป็นผู้เล่นดาวรุ่งคนแรกที่ยิงครบทั้ง 4 นัดแรกที่ลงเล่นในรายการนี้ และเป็นผู้เล่นคนที่ 4 ที่ทำสถิตินี้ได้ และเพียงฤดูกาลแรกกับ ซัลซ์บวร์ก ฮาลันด์ ทำไปถึง 4 แฮตทริก และยิงไป 28 ประตู จากการลงเล่นเพียง 28 นัดรวมทุกรายการ ทำให้ ออสเตรียน บุนเดสลีกา เล็กไปสำหรับ ฮาลันด์
เพราะด้วยฟอร์มที่จัดจ้านในเวทียุโรป จึงทำให้มีหลายทีมจ้อง ฮาลันด์ ตาเป็นมัน และท้ายที่สุดก็เป็น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่คว้าตัวดาวรุ่งรายไปร่วมทีมในช่วงท้ายตลาดเดือนมกราคมปี 2020 ด้วยค่าตัวเพียง 20 ล้านยูโรเท่านั้น ซึ่ง ฮาลันด์ ก็ไม่ทำให้แฟนบอลเสือเหลืองต้องผิดหวัง
เขาถูกส่งลงสนามเป็นเกมแรกในฐานะตัวสำรอง แต่จบเกมด้วยการซัดแฮตทริกได้ในทันที โดยใช้เวลาไปแค่เพียง 34 นาทีเท่านั้น เกมต่อมาเขาลงมาในฐานะตัวสำรองอีกครั้ง พร้อมกับยิงไปอีก 2 ประตู กลายเป็นนักเตะคนแรกของ บุนเดสลีกา ที่ทำได้ 5 ประตู จากการลงประเดิมสนาม 2 นัดแรก และหลังจากนั้นเป็นต้นมา ฮาลันด์ ก็ก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าเบอร์ต้น ๆ ของยุโรปในไม่ช้า
กระทั่งฤดูกาล 2022-23 การย้ายมายัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือการพิสูจน์ตัวเองว่า ฮาลันด์ คือของจริง ไม่ใช่แค่ยิงเยอะในลีกง่าย แต่เขาก็ยิงกระจายในลีกที่ขึ้นชื่อว่ายากที่สุดในโลกอย่างพรีเมียร์ลีก การันตีความเฉียบคมด้วยการคว้ารางวัลดาวซัลโวได้ตั้งแต่ฤดูกาลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่จำนวน 36 ประตู พร้อมกับทำลายอีกหลายสถิติในฤดูกาลนี้
สโมสรที่เคยเล่น
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2022-ปัจจุบัน)
ลงเล่น 52 นัด ยิงได้ 52 ประตู แอสซิสต์ 9 ประตู
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (2020-2022)
ลงเล่น 89 นัด ยิงได้ 86 ประตู แอสซิสต์ 23 ประตู
เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก (2019-2020)
ลงเล่น 29 นัด ยิงได้ 27 ประตู แอสซิสต์ 7 ประตู
โมลด์ (2017-2019)
ลงเล่น 50 นัด ยิงได้ 20 ประตู แอสซิสต์ 6 ประตู
บริน (2016-2017)
ลงเล่น 16 นัด ทำประตูและแอสซิสต์ไม่ได้
ทีมชาตินอร์เวย์ (2019-ปัจจุบัน)
ลงเล่น 23 นัด ยิงได้ 21 ประตู แอสซิสต์ 3 ประตู
แชมป์ที่เคยได้รับ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
พรีเมียร์ลีก 1 สมัย : (2022-23)
เอฟเอ คัพ 1 สมัย : (2022-23)
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
เดเอฟเบ โพคาล 1 สมัย : (2020–21)
เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก
ออสเตรียน บุนเดสลีกา 2 สมัย : (2018–19, 2019–20)
ออสเตรียน คัพ 1 สมัย : (2018–19)
บทความที่เกี่ยวข้อง : เป๊ป กวาร์ดิโอลา : เปิดประวัติสุดยอดโค้ชที่เปลี่ยนโลกฟุตบอล
บทความที่เกี่ยวข้อง : เปิด 3 เหตุผล : ทำไม แมนฯ ซิตี้ จะชนะอินเตอร์ มิลาน คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก