ในฤดูกาลนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กดประตูไปแล้วทั้งหมด 18 เม็ด (14 ลูกในพรีเมียร์ลีก) พร้อมกับทำไปอีก 9 แอสซิสต์ (8 ครั้งในพรีเมียร์ลีก) จากการลงเล่น 27 นัดในทุกรายการ เรียกได้ว่าเขาคือคนสำคัญในพื้นที่ฝั่งขวาของ ลิเวอร์พูล และหาคนทดแทนได้ยากอยู่พอสมควร ณ เวลานี้
เมื่อเจาะลึกเข้าไปดูในแผนการเล่น จะเห็นได้เลยว่าการเล่นในฤดูกาลนี้ของเขาเปลี่ยนไปจากสมัยที่ได้แชมป์อยู่ไม่น้อย ส่วนหนึ่งก็คงมาจากการที่ทีมมีกองหน้าตัวเป้าอย่าง ดาร์วิน นูเญซ เข้ามาเพิ่มเติมในสนาม ทำให้ ซาลาห์ ไม่สามารถเล่นเหมือนตอนที่มี โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน เป็น ฟอลส์ ไนน์ ได้อีกแล้ว แต่ทำไมตอนนี้ฟอร์มของเขากลับเฉิดฉายกว่าฤดูกาลที่ผ่านๆมา
เยอร์เกน คล็อปป์ ปรับเปลี่ยนบทบาทของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อย่างไรจนเขาได้ระเบิดฟอร์มอีกครั้งในฤดูกาลนี้? หากใครอยากรู้ ติดตามไปพร้อมกันได้ที่นี่
ลิเวอร์พูลปรับบทบาทซาลาห์อย่างไรจนกลายเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก?
โดยปกติแล้ว บทบาทของ ซาลาห์ ตอนยุคทองของ ลิเวอร์พูล เขาคือผู้เล่นที่จะเริ่มต้นจากริมเส้นแล้วค่อยขึ้นมาเป็นกองหน้าฝั่งขวาคู่กับ ซาดิโอ มาเน่ ที่อยู่ทางฝั่งซ้าย และให้ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน กองหน้าชาวบราซิล รับบทบาทเป็น ฟอลส์ ไนน์ ตามที่เขาถนัด
นอกจากนั้นทั้งกราบซ้ายและกราบขวาจะมี แบ็ค เติมสูงขึ้นมาทำให้ผู้เล่นเกมรุกของ ลิเวอร์พูล มีอยู่ทั้งหมด 5 คนบนแดนบนสุด (ดูใน X ด้านล่าง) และคอยช่วยเสริมสองกองหน้าจากทั้งสองฝั่งได้อย่างดี และหากสังเกตุที่ฮีตแมพ การเล่นของ ซาลาห์ จะอยู่ที่ด้านขวาและกรอบเขตโทษฝั่งขวาพร้อมกับมุ่งหน้าเข้าหาประตูเป็นส่วนใหญ่
ตำแหน่งและ Heat Map ของ Salah ก่อนฤดูกาลนี้ pic.twitter.com/RY678sL8TY
— Double Clutch Basketball (@DBCBasketball) January 4, 2024
แต่พอมาตอนนี้ บทบาทหน้าที่ของ ซาลาห์ ได้เปลี่ยนไปเพราะ คล็อปป์ เลือกให้เขาไปอยู่ตรงกราบขวามากขึ้นแทนที่จะให้เล่นในพื้นที่กรอบเขตโทษฝั่งขวาเหมือนเดิม พร้อมกับให้ ดาร์วิน นูเญซ รับบทบาทกองหน้าตัวเป้ายืนห้อยอยู่ตรงกลาง แต่ภาพรวมเกมรุกของ ลิเวอร์พูล ก็ยังมีผู้เล่นเกมรุกถึง 5 คนอยู่เช่นเดิม (ดูใน X ด้านล่าง)
จุดที่ปรับเปลี่ยนไปก็คือ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ขยับเข้าไปเล่นตรงกลางสนามและปรับ โดมินิก โซบอสซ์ไล และ เคอร์ติส โจนส์ ให้เป็นคนคอยสอดขึ้นมาช่วยทำแต้มในกรอบเขตโทษมากขึ้นนั่นเอง
ตำแหน่งการยืนแบบใหม่ของ ซาลาห์ และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ pic.twitter.com/kG3RMW5Y3C
— Double Clutch Basketball (@DBCBasketball) January 4, 2024
พร้อมกันนั้น ฮีตแมพของ ซาลาห์ ก็เปลี่ยนไปเพราะจากที่เคยอยู่ในกรอบเขตโทษฝั่งขวากลับกลายเป็นว่าเขามาอยู่ทางริมเส้นกราบขวามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
Heat Map ในฤดูกาลนี้ของ ซาลาห์ pic.twitter.com/pMlfOuZmBX
— Double Clutch Basketball (@DBCBasketball) January 4, 2024
ด้วยบทบาทนี้ของ โม ซาลาห์ ทำให้เขาไม่ใช่ตัวจบสกอร์ให้กับทีมอย่างที่ผ่านๆมา หากแต่เป็น “ผู้สร้างโอกาส” มือหนึ่งให้กับทีมและเขาก็ทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีมากๆเพราะกองหลังต้องรับมือกับความสามารถของเขาเต็มๆไม่ว่าจะต้องกังวลการตัดเข้าใน, ลากไปจนถึงสุดเส้นด้วยความเร็วหรือจะครอสเข้ากลางก็ได้ทั้งนั้น ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ได้ยิงประตูก็ตาม โดยที่ตัวเลขก็บ่งบอกชัดเจนว่าเขาทำหน้าที่นี้ได้ดีแค่ไหน
— Double Clutch Basketball (@DBCBasketball) January 4, 2024
แต่การยืนตำแหน่งของ ซาลาห์ ก็ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่ฝั่งขวาเท่านั้น เพราะว่าเขาสามารถสลับตำแหน่งเป็นตัวสอดขึ้นมาแทน โซบอสซ์ไล ก็ได้เมื่อ โซบอสซ์ไล เป็นคนลากบอลขึ้นมาทางฝั่งขวาแทน ทุกอย่างนี้ทำให้มันยากมากๆที่กองหลังอีกฝั่งจะสามารถหยุดเกมรุกหรือคาดเดาสิ่งที่ ซาลาห์ จะทำในจังหวะต่อๆไป
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าความอเนกประสงค์ของ ซาลาห์ ก็คืออีกจุดหนึ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมาในฤดูกาลนี้และมีผลงานส่วนตัวรวมถึงส่วนร่วมในเกมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
และนี่ก็คือการปรับเปลี่ยนหมากของ เยอร์เกน คล็อปป์ ที่ฉุด โม ซาลาห์ ขึ้นมาได้อีกครั้ง ทั้งๆที่ใครก็คิดว่าความพีคของเขานั้นหมดลงไปแล้ว แต่เรื่องที่น่าสนใจก็คือเมื่อ ซาลาห์ ต้องไปรับใช้ทีมชาติในช่วงที่จะถึง กุนซือสมองเพชรคนนี้จะแก้เกมอย่างไร? เพราะเขาได้เสียคนสำคัญคนหนึ่งของทีมไปแล้วอย่างน้อย 4 เกม
ตรงนี้ก็คงต้องคอยจับตามองกันต่อไป
อ้างอิงข้อมูลจาก: FourFourTwo
ลุ้นรางวัลใหญ่ เชียร์ทีมชาติไทยถึงเกาหลีใต้
ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด
ร่วมทายผลกีฬาลุ้นโชคพร้อมโบนัสสูงสุด 100 เปอร์เซนต์
ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา
Facebook: https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram: https://www.instagram.com/thesportingnews_th