ต่างกันตรงไหน : ลิเวอร์พูลชนะรัวในแชมเปียนส์ลีก แต่ทำไมเล่นไม่ดีในพรีเมียร์ลีก

Author Photo
Darwin Nunez of Liverpool
Offside via Getty Images

ฤดูกาลนี้ไม่ใช่ฤดูกาลที่ดีสำหรับลิเวอร์พูลเลยแม้แต่นิดเดียว จากเดิมที่พวกเขาได้ลุ้นสร้างประวัติศาสตร์คว้าทุกแชมป์ในฤดูกาลก่อน กลับต้องมีปัญหาเสมอเมื่อเล่นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ 

การแพ้ทีมระดับท้ายตารางทั้งน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่เป็นทีมอันดับสุดท้าย ตามด้วยโดนลีดส์ ยูไนเต็ดที่เป็นทีมรองอันดับสุดท้าย บุกมาชนะถึงแอนฟิลด์บอกได้เป็นอย่างดีว่า ลิเวอร์พูลกำลังมีปัญหา

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีก ต่างกับในแชมเปียนส์ลีกโดยสิ้นเชิง นั่นเป็นแสงสว่างที่บอกว่าลิเวอร์พูลกำลังจะกลับมาแข็งแกร่ง หรือสิ่งที่เกิดขึ้นมันกำลังบอกอะไรเรากันแน่  

คู่แข่งที่ต่างออกไป

การลงเล่นในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลต้องพบกับคู่แข่งที่รู้ลึกถึงข้อมูลของหงส์แดงเป็นอย่างดี 

ไม่ได้บอกว่าคู่แข่งในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ประมาทลิเวอร์พูล แต่หากดูหรือติดตามข้อมูลเชิงลึก ทีมในพรีเมียร์ลีกย่อมทำได้ดีกว่า เพราะพวกเขาเจอกับลิเวอร์พูลทุกปี ปีละ 2 ครั้ง 

การติดตามผล หรือดูวิธีการเล่นของลิเวอร์พูลอย่างต่อเนื่องคือเรื่องปกติ โดยที่จะเห็นภาพชัดว่าลิเวอร์พูล ณ ช่วงเวลานั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง มีการเปลี่ยนแผนการเล่นหรือไม่ และมีการแก้ไขปัญหาจุดไหนไปบ้างแล้ว 

ซึ่งเมื่อถึงตรงนี้ ก็ชี้ให้เห็นว่าคู่แข่งจากพรีเมียร์ลีกพร้อมรับมือกับลิเวอร์พูลได้มากกว่า แม้ว่าลิเวอร์พูลจะมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดมากมาย เพื่อแก้ปัญหาก็ตามในฤดูกาลนี้

Fabio Carvalhol Liverpool
Getty Images

พอมองในการเล่นแชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ พวกเขาอยู่ในกลุ่มเดียวกับ นาโปลี, อาหยักซ์ และเรนเจอร์ส การรับมือกับคู่แข่งจากต่างประเทศที่ทางทีมได้ติดตามข้อมูลน้อยกว่าก็อาจเกิดปัญหาได้ 

ลิเวอร์พูลเองก็โดนเช่นกัน ในเกมแรกกับนาโปลี ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มของพวกเขาเอง หรือวิธีการรับมือ ลิเวอร์พูลไม่รู้ว่าจะป้องกันแนวรุกในทีมของ ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ อย่างไร จนโดนถล่มเละเทะ แต่เมื่อกลับมาเจอกันอีกนัดลิเวอร์พูลก็สามารถหาทางชนะได้ไม่ยากเย็นนัก 

ส่วนเกมกับอาหยักซ์ หงส์แดงเองก็สามารถรับมือกับแรงกดดันได้ หากอาหยักซ์จะครองบอล ลิเวอร์พูลก็พร้อมจะโต้กลับเล่นงาน ซึ่งผลก็อย่างที่เห็นว่าชนะได้ไม่ยากนัก 

และสุดท้ายเรนเจอร์ส อาจวัดอะไรไม่ได้มาก เพราะห่างชั้นกันเกินไป จนลิเวอร์พูลก็มีการลองแผนใหม่ในเกมที่เจอกัน เพื่อเตรียมความพร้อมไปสู้ต่อในพรีเมียร์ลีก

ความกดดันที่แตกต่าง

สถานการณ์ และความกดดันที่แตกต่างกันส่งผลชัดเจน โดย เยอร์เก้น คล็อปป์ ออกปากว่า จะกลับมาลุ้นแชมป์แน่ในฤดูกาลนี้ กับเวทีพรีเมียร์ลีก แต่มันไม่ง่ายแบบนั้น เพราะการแข่งขันมีความกดดันสูงมาก ๆ 

Jurgen Klopp smiles during Liverpool training at the State de France

หากจะลุ้นแชมป์ในยุคที่มีแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถ้าพลาดก็มีหลุดจากวงโคจรลุ้นแชมป์ได้ง่าย ๆ 

ซึ่งลิเวอร์พูลต้องเจอปัญหาเรื่องสภาพร่างกายนักเตะก็มีอยู่แล้ว ยังต้องมีแรงกดดันตรงนี้เข้าไปเพิ่มอีก ทำให้การลงเล่นในพรีเมียร์ลีกบางครั้งเกิดอาการกดดัน จนผู้เล่นภายในทีมสร้างความผิดพลาดขึ้นมา แบบที่หนักจนถึงขั้นเสียประตูได้ง่าย ๆ  

พอมองถึงความกดดันในรายการยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มแล้วมันต่างกัน เพราะพวกเขาจบรอบนี้ ก็ยังไม่ได้เข้าในใกล้การเป็นแชมป์ หรือเข้าใกล้กับการพลาดแชมป์ 

พวกเขามีพื้นที่ให้หายใจ กับการลงเล่น 6 นัด จะบริหารอย่างไรให้อย่างน้อยที่สุดคือเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปได้ ไม่ว่าจะเข้ารอบต่อไปในฐานะแชมป์กลุ่มหรือไม่ก็ตาม 

การที่ลิเวอร์พูลเปิดมานัดแรกบุกไปแพ้นาโปลี 1-4 ทำให้หลายคนกังวลว่าพวกเขาจะตกรอบหรือไม่ แต่เวลามันยังมีมากพอให้แก้ตัว เราก็เห็นชัดเจนว่าจากนั้น ลิเวอร์พูลสามารถจะโชว์ฟอร์มเก่งชนะ 5 นัดรวดหลังจากแพ้ไปในนัดแรก 

แต่กับพรีเมียร์ลีกไม่ได้เป็นแบบนั้น ลิเวอร์พูลตอนนี้ห่างจากจ่าฝูงอาร์เซน่อล ถึง 15 แต้ม ซึ่งเกือบจะเท่าที่พวกเขามีอยู่แล้วคือ 16 แต้ม ความกดดันมันจึงต่างกับในเวทียุโรปอย่างมาก

ไม่ป้องกันตัวอันตราย

สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือทีมที่เจอกับลิเวอร์พูลในแชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ ไม่ได้ป้องกันตัวอันตรายที่สุดของลิเวอร์พูลได้ดีพอ 

การป้องกันนักเตะอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ถือว่าสำคัญมาก ๆ เขามีทั้งความเร็ว และความเฉียบคม จะยิงประตูเมื่อไหร่ก็ได้ จะช่วยเพื่อนทำประตูก็ดีเช่นเดียวกัน 

Getty Images

การที่คู่แข่งปล่อยพื้นที่ หรือไม่ได้เจาะจงป้องกันการขึ้นเกมของซาลาห์โดยตรง พาปัญหามากมายมาให้กับพวกเขา 

เรามองไปในพรีเมียร์ลีกจะเห็นกันแทบทุกเกมว่า ซาลาห์บางครั้งเล่นไม่ออก เพราะเจอผู้เล่นแนวรับคู่แข่ง พยายามบีบกัน 2-3 คน เพื่อให้เล่นยากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 

แต่ในแชมเปียนส์ลีกกลับไม่ใช่แบบนั้น มีพื้นที่มากมายให้กับซาลาห์ได้โชว์ของ ไม่แปลกเลยที่เขาจะเป็นกลุ่มผู้เล่นลุ้นดาวซัลโวของรายการยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ที่ 7 ประตู พร้อมด้วยอีก 2 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 6 เกม 

ซึ่งมันก็เทียบให้เห็นกันชัด ๆ เพราะซาลาห์ตอนนี้ในพรีเมียร์ลีกจาก 12 เกม ทำได้แค่ 4 ประตูกับ 3 แอสซิสต์เท่านั้น 

มันต่างกันอย่างชัดเจนในแง่ฟอร์มการเล่นของเขา ซึ่งมาจากการเล่นของทีมคู่แข่งที่ปล่อยให้เขาทำงานได้ง่ายมาก ๆ  

ด้วยเหตุผลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าทีมลิเวอร์พูลของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ชุดนี้ไม่น่าจะกลับมาดีได้ง่าย ๆ ในพรีเมียร์ลีก เขาต้องแก้ปัญหาทีละจุดไปเรื่อย ๆ ซึ่งปัญหาของทีมอาจเกิดขึ้นใหม่อีกก็ได้ 

สำหรับแชมเปียนส์ ลีก พวกเขาก็มีความเป็นไปได้ว่าจะไปได้ไกล แต่สำหรับพรีเมียร์ลีกที่ต้องเจอคู่ต่อสู้ที่จับทางพวกเขาได้แล้ว ก็ต้องหาวิธีแก้ไขกันต่อไป 

แชมเปียนส์ ลีก อาจเป็นที่พักใจให้แฟนหงส์แดงฤดูกาลนี้ ให้ได้มีความรู้สึกชื่นใจกับเขาบ้าง กับผลงานที่อาจออกมายอดเยี่ยมจนถึงขั้นได้ลุ้นแชมป์ยุโรปถ้วยใหญ่ในตอนนี้

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก

ผู้แต่ง
Author Photo
Beyond the score: The sports world explained. The Sporting News has been a trusted sports media publisher since 1886, delivering the news, insights and entertainment that fans around the world need to know.
LATEST VIDEOS