การที่ ซันส์ ได้ตัว แบรดลีย์ บีล เข้ามาร่วมทัพถือว่าเป็นข่าวใหญ่ของช่วงปิดฤดูกาลช่วงแรกเลยก็ว่าได้ และอาจจะทำให้ใครหลายคนตกตะลึงอยู่พอสมควรหลังจากที่ เอเดรียน โวนาโรวสกี้ ของ ESPN ได้รายงานว่า ซันส์ ได้ส่ง คริส พอล, แลนดรี ชาเม็ต, สิทธิ์ดราฟท์รอบสองและสิทธิ์สลับดราฟท์หลายสิทธิ์เพื่อแลกกับ แบรดลีย์ บีล ของ วอชิงตัน วิซาร์ดส์
แม้จะเสียพอยต์การ์ดตัวสำคัญ อย่าง คริส พอล ไป แต่การได้ผู้เล่นระดับ บีล ที่ทำ 23 แต้มต่อเกมจากประสิทธิภาพที่ดีในฤดูกาลที่ผ่านมาเข้ามาทดแทนก็ถือว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อยจริงๆ
และถึงแม้ว่าจะมีข้อน่ากังวลใจอยู่เหมือนกันอย่างเช่นเรื่องสัญญาของ บีล ที่จะมีมูลค่ามากถึง $57.1 ล้านเหรียญ ในฤดูกาล 2026-27 แต่การได้ตัวเขามาอยู่กับ เควิน ดูแรนท์ และ เดวิน บุคเกอร์ ก็ทำให้การเป็นทีมเต็งแชมป์ของ ซันส์ ชัดเจนยิ่งขึ้นแบบปฎิเสธไม่ได้
ซันส์ ได้ แบรดลีย์ บีล มาร่วมทัพ : ดีพอไหมกับการคว้าแชมป์ NBA?
แบรดลีย์ บีล เหมาะกับ ฟินิกซ์ ซันส์ หรือไม่?
หากเราวิเคราะห์กันตรงๆ บีล นั้นไม่ได้เป็นผู้เล่นที่เหมาะกับ ดูแรนท์ และ บุคเกอร์ เต็ม 100 เปอร์เซนต์ เพราะสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของ บีล ก็คือการถือบอลและสร้างสรรค์จังหวะในการทำคะแนนเอง ซึ่งพอมาอยู่ที่ ซันส์ การเล่นแบบมีบอลของเขาจะลดลงอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้หลายๆคนอาจจะเป็นห่วงแต่เราก็ต้องเตือนความจำกันหน่อยว่า ตัวของเขาก็เล่นแบบไม่มีบอลได้ดีไม่แพ้กัน
จากสามถึงสี่ฤดูกาลที่ผ่านมา บีล มีการยิงสามคะแนนที่ตกลงไปอย่างเห็นได้ชัดด้วยการยิงลงไปเพียง 34.5 เปอร์เซนต์เท่านั้นจากสี่ปีล่าสุด ซึ่งนี่เป็นผลมาจากการที่เขาไม่ได้ยิงแบบโล่งๆเท่าไหร่นักเนื่องจากเขาต้องเป็นคนสร้างจังหวะการยิงให้กับตัวเองและกับเพื่อนร่วมทีมที่ไม่ค่อยมีใครสร้างสรรค์เองได้เท่าไหร่
แต่หากเราไปเปรียบเทียบกับตอนที่เขาอยู่กับ จอห์น วอลล์ ผู้เล่นที่เป็นเพลย์เมคเกอร์ในขณะที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันที่ วิซาร์ดส์ แล้ว บีลจะมีการยิงสามคะแนนลงไปถึง 38.4 เปอร์เซนต์เลยทีเดียว
ซึ่งทุกคนลองนึกว่าหากมีซักคน ไม่ว่าจะเป็น ดูแรนท์, บีล หรือ บุคเกอร์ คอยยืนอยู่ที่เส้นสามคะแนนโดยเฉพาะตรงมุม 180 องศา การป้องกันใส่ทีมนี้จะยากมากๆเพราะคุณอาจจะไม่อยากหุบเข้ามาช่วยวงในเนื่องจากมีผู้เล่นถึงสามคนด้วยกันที่ยิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยัง สามารถโจมตีด้วยการข้ามได้อีกหากคุณวิ่งเข้ามาคอนเทสต์การยิงของพวกเขา
อย่างหนึ่งที่น่าจะเป็นปัญหาของ ซันส์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือเกมรับของ บีล ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่ถ้าให้พูดอีกมุมในช่วงสองจากสี่ปีที่ผ่านมาเขาต้องแบกรับเกมรุกของ วิซาร์ดส์ ค่อนข้างหนักจึงทำให้เขาต้องทิ้งเกมรับของตัวเองไปบ้าง แต่ถ้าเขามีภาระในเกมรุกน้อยลงและพาตัวเองกลับมาตั้งใจเล่นเกมรับได้ดีมากขึ้น และพัฒนาเป็นผู้เล่นเกมรับที่ “พอใช้” ซันส์ก็คงจะดีขึ้นมาบ้างในเรื่องเกมรับไม่มากก็น้อย
อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญก็คือการที่ บีล เข้ามาทำให้ ซันส์ สามารถลดเวลาการเล่นของ เควิน ดูแรนท์ ลงไปได้ในช่วงฤดูกาลปกติ ซึ่งนี่จะทำให้มือปืนคนนี้ร่างกายยังไม่กรอบและสามารถเล่นในช่วงเพลย์ออฟได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีอาการเหนื่อยล้าเข้ามารบกวน เพราะในตอนนี้อายุของ ดูแรนท์ ก็ปาเข้าไปที่ 35 ปีแล้วและยังมีประวัติอาการบาดเจ็บรุนแรงในช่วงที่ผ่านมาหลายปีอีกด้วย
ซันส์ใช้เงินไปเท่าไหร่กับการสร้างทีมชุดนี้?
สิ่งที่ ซันส์ ต้องคิดหนักขั้นต่อไปก็คือพวกเขาจะเสริมทีมอย่างไรเพราะเพียงแค่ผู้เล่นสี่คนที่เป็นตัวหลักอย่าง ดูแรนท์, บุคเกอร์, บีล และ เอย์ตัน ก็มีมูลค่าสูงถึง $162 ล้านเหรียญเข้าไปแล้ว ซึ่งนี่ทำให้พวกเขาต้องเสียภาษีฟุ่มเฟือยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เรื่องที่ดีก็คือในดีลนี้ การ์ดสายเกมรับอย่าง จอร์แดน กู๊ดวิน อาจจะถูกรวมเข้ามาด้วย จากการรายงานของ จอช ร็อบบินส์ ของ The Athletic ซึ่งการได้ตัว กู๊ดวิน มาก็น่าจะช่วยเข้ามาเสริมแกร่งในชุดเกมรับและชุดสำรองได้พอสมควร
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าปัญหาเรื่องผู้เล่นชุดสำรองและความลึกของทีมจะหมดไปเพราะพวกเขาจะถูกจำกัดให้เซ็นผู้เล่นโดยเป็นสัญญาขั้นต่ำเท่านั้นหรือไม่ก็เป็นการนำฟรีเอเย่นต์ของพวกเขาเองกลับมาสู่ทีม
นี่คืออีกจุดหนึ่งที่พวกเขาต้องพัฒนาชุดผู้เล่นให้ได้ในช่วงหน้าร้อนนี้ ไม่อย่างนั้นทีมอาจจะซ้ำรอยเดิมกับปีที่ผ่านมา
ซันส์ต้องเสริมทัพต่อไปอย่างไร?
บุคเกอร์อาจจะต้องขยับมารับหน้าที่พอยต์การ์ดมากขึ้นในทีมชุดนี้จากการที่เขาโชว์ฟอร์มในตำแหน่งนี้ได้ดีในเพลย์ออฟและด้วยความจำเป็นที่ ซันส์ ไม่มีความลึกของตัวผู้เล่นในตำแหน่งพอยต์การ์ดเลย
แคเมอรอน เพย์น ไม่ได้เป็นผู้เล่นตัวสำรองที่ดีมากเท่าไหร่นักแต่ด้วยการที่เขามีค่าตัวเพียงแค่ $6.5 ล้านเหรียญแบบไม่การันตีก็อาจจะทำให้ทีมดึงเขากลับมา หรืออีกทางหนึ่งก็คือไปหาพอยต์การ์ดมีประสบการณ์ที่พร้อมจะรับสัญญาขั้นต่ำเข้ามาอย่างเช่น เรจจี้ แจ็คสัน, เดนนิส สมิธ จูเนียร์, อิช สมิธ, โกราน ดรากิช หรือ ราอูล เนโต้
นอกจากนั้น ซันส์ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องเซ็นสัญญาผู้เล่นฟรีเอเย่นต์ของพวกเขาเอาไว้ให้ได้ด้วยเพราะคงไม่มีใครดีกว่าตัวสำรองตอนนี้เท่าไหร่นักในราคาสัญญาขั้นต่ำ ซึ่งนั่นหมายความว่าทั้ง ทอรีย์ เครก, จ็อค แลนเดล, หรือ บิสแมค บิยอมโบ ก็อาจจะได้กลับมาร่วมทีมอีกครั้ง
ส่วนผู้เล่นอย่าง เดเมียน ลี, จอช โอโคกี, เทอร์เรนซ์ รอสส์ และ ที.เจ.วอร์เรน นั้น ทางด้านของ ซันส์ ก็อาจจะต้องลองพูดคุยดู แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกันเพราะทีมถูกจำกัดจำนวนเงินที่จะมอบให้พวกเขาอยู่เหมือนกัน
อีกทางหนึ่งที่ ซันส์ สามารถทำได้ก็คือการหาผู้เล่นมากประสบการณ์ที่ต้องการคว้าแหวนหรือหาตัวประสบการณ์ที่จะเข้ามาช่วยคุมผู้เล่นในห้องแต่งตัวเข้ามาในทีมเพื่อพัฒนาชุดผู้เล่น อย่างเช่น แดนนี กรีน หรือ โจ อิงเกิลส์ เพราะทั้งสองคนนี้สามารถทำคะแนนได้ด้วย
ซันส์จะไปถึงแชมป์ได้หรือไม่?
ตอนนี้คงยังคาดเดาอะไรไม่ได้มากนักว่าทีมจะไปจบลงตรงไหน? เพราะ ซันส์ ยังคงต้องทำงานหนักในการคว้าตัวผู้เล่นหมุนเวียนกับผู้เล่นชุดสำรอง และอีกอย่างก็คือตอนนี้ยังไม่มีอะไรการันตีว่า เอย์ตัน จะยังคงอยู่กับทีมต่อไปเพราะสัญญาของของอาจนำไปเทรดเพื่อให้ได้ผู้เล่นเกรดบีอีกหลายคนเข้ามาร่วมทัพ
นอกจากนั้นการเป็นแชมป์ของ ซันส์ ก็ยังไม่ได้การันตีแม้จะสามารถคว้าตัว แบรดลีย์ บีล เข้ามาแล้วก็ตามเพราะทีมในสายตะวันตกยังคงแข็งแกร่งและดุเดือดมากๆไม่ว่าจะเป็น วอร์ริเออร์ส, เลเกอร์ส, นักเก็ตส์, คลิปเปอร์ส หรืออีกหลายๆทีมที่พร้อมจะขึ้นมาตลอดเวลา
ซันส์จะสามารถคว้าแชมป์ได้หรือไม่? นี่คือเรื่องที่พวกเราต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด ร่วมสมัครทายการเป็นแชมป์ของซันส์ ชิงรางวัลกับการแข่งขันNBAได้ที่นี่
สุดท้ายเราคงต้องดูการเดินหมากขั้นต่อไปของ ซันส์ ว่าเขาจะทำอย่างไรเพื่อจะสร้างทีมนี้ให้ก้าวไปถึงแชมป์ในที่สุด
บทความที่เกี่ยวข้อง : ใครคุ้มกว่ากัน? : ตัดเกรดเทรด แบรดลีย์ บีล ไป ซันส์, คริส พอล ไป วิซาร์ดส์
บทความที่เกี่ยวข้อง : โยคิชเทียบชั้นตำนานหรือไม่? หลังคว้าแชมป์ NBA 2023
