ฝีมือไม่คุ้มค่าตัว : 10 อันดับนักบาสค่าเหนื่อยเกินจริงตลอดกาล NBA

Author Photo
john-wall-lonzo-ball-121618-ftr-nba-getty.jpg

การที่ผู้เล่นแต่ละคนฝ่าฟันจนได้เข้ามาเล่นใน NBA เป้าหมายของพวกเขาก็แตกต่างกันไป บางคนก็หวังถึงแชมป์ ส่วนบางคนก็หวังให้ตัวเองเก่งเพื่อกอบโกยรายได้เข้ากระเป๋าตัวเอง

แม้ว่าบางคนจะเก่งจนสามารถได้รับสัญญามหาศาลที่เหมาะกับความสามารถ อีกด้านหนึ่งก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่เก่งแต่ก็ยังดีไม่พอสำหรับสำหรับค่าตัวที่พวกเขาได้รับ ซึ่งเรามักเรียกผู้เล่นเหล่านี้ว่า “โอเวอร์เพด” หรือได้รับเงินเยอะเกินความสามารถที่ตัวเองมีอยู่ 

เพราะฉะนั้นในวันนี้ เราจะพาทุกท่านไปดู 10 อันดับนักบาสค่าเหนื่อยเกินจริงตลอดกาลของ NBA กันว่าจะมีใครบ้าง? ติดตามไปพร้อมกับเราได้ที่นี่

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก

10 อันดับนักบาสค่าเหนื่อยเกินจริงตลอดกาล NBA

เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการเปรียบเทียบกันในระยะยาวหรือใช้คำว่าตลอดกาล มันมักจะมีความคลาดเคลื่อนอยู่เยอะพอสมควร จนต้องมีมาตราวัดหนึ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นแกนหลัก ซึ่งตรงนี้เราได้อ้างอิงจาก Hoopshype ที่ได้สร้างมาตราวัดอย่าง Real Value metric (มาตราวัดค่าเหนื่อยที่ผู้เล่นสมควรได้รับจากผลงาน) เอาไว้ และจัดอันดับออกมาแล้วเรียบร้อย

โดยรายชื่อต่อไปนี้คือผู้เล่นที่ค่าเหนื่อยเกินจริงมากที่สุดตลอดกาลของ NBA ซึ่งเราจะไล่ไปตั้งแต่อันดับ 10 ถึงอันดับ 1  

อันดับ 10: แอล ฮอร์ฟอร์ด

Real Value: 195,741,071 เหรียญ

รายได้ตลอดทั้งอาชีพ: 269,728,232 เหรียญ

ความต่าง: -73,987,161 เหรียญ (-27.43 เปอร์เซนต์)

แม้ว่าตลอดอาชีพของ ฮอร์ฟอร์ด จะแสดงความสามารถของเขาออกมาได้เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นกับ ฮอว์กส์ หรือ เซลติกส์ พร้อมกับติด All-Star ไปได้ถึง 5 ครั้ง แต่ทว่ามาตราวัดกลับไม่คิดแบบนั้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะช่วงเวลาสองปีที่เขาอยู่กับ ซิกเซอร์ส และ ธันเดอร์ นั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักทั้งๆที่พึ่งได้รับสัญญา 4 ปี 109 ล้านเหรียญ มาหมาดๆ 

อันดับ 9: แชนด์เลอร์ พาร์สัน

Real Value: 49,902,469 เหรียญ

รายได้ตลอดทั้งอาชีพ: 127,164,774 เหรียญ

ความต่าง: -77,262,305 เหรียญ (-60.76 เปอร์เซนต์)

ย้อนกลับไปในปี 2016 ที่ พาร์สัน เซ็นสัญญากับ กริซลีย์ส จำนวน 4 ปี 94.5 ล้านเหรียญ นี่คือสัญญาที่คนทั่วโลกแสดงความเห็นไปในทางเดียวกันว่ามันเกินฝีมือเขาไปไกลมากๆ แถมในระหว่างสัญญานั้นเขาได้ลงเล่นไปเพียง 100 เกมเท่านั้นตลอด 4 ฤดูกาล นี่จึงยิ่งทำให้มันดูแย่มากขึ้นไปอีก มากไปกว่านั้นค่าเฉลี่ยการทำแต้มของเขามีเพียง 7.9 แต้มต่อเกม ตลอดสี่ปีที่ลงเล่นระหว่างสัญญาดังกล่าว มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงต้องมาอยู่ใน 10 อันดับแรกของรายชื่อนี้

อันดับ 8: นิโคลัส บาทูม

Real Value: 108,646,635 เหรียญ

รายได้ตลอดทั้งอาชีพ: 187,838,139 เหรียญ

ความต่าง: -79,191,504 เหรียญ (-42.16 เปอร์เซนต์)

จริงๆแล้ว บาทูม ไม่ใช่ผู้เล่นที่แย่เลยแม้แต่น้อย แต่หากวัดจากคุณภาพแล้ว มันดูไม่ค่อยเหมาะสมกับราคาที่ทีมต้องจ่ายเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ได้สัญญาจาก ฮอร์เน็ตส์ ที่ 4 ปี 120 ล้านเหรียญ แต่ก็ไม่สามารถทำผลงานได้ดี โดยทำไป 12.1 แต้มต่อเกมเท่านั้นตลอด 5 ปี หรือล่าสุดที่เขาได้จาก คลิปเปอร์ส ปีละเกือบ 11 ล้านเหรียญ แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ 6.1 แต้มและ 3.8 รีบาวด์ เท่านั้น

Dikembe Mutombo

อันดับ 7: ดิเคมเบ มูตอมโบ

Real Value: 63,928,441 เหรียญ

รายได้ตลอดทั้งอาชีพ: 143,666,581 เหรียญ

ความต่าง: -79,738,140 เหรียญ (-55.50 เปอร์เซนต์)

ถึงแม้ มูตอมโบ จะเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โชว์ผลงานเกมรับได้ดีตลอดทั้งอาชีพและเป็นผู้เล่นที่บล็อกมากที่สุดเป็นอันดับสองของ NBA ตลอดกาล แต่เขากลับไม่เคยพัฒนาเรื่องเกมรุกของเขาเลยนอกจากเกมใต้แป้นและลูกล็อบ เพิ่มเติมคือตลอด 18 ปีที่ลงเล่นใน NBA ค่าตัวต่อปีของเขาอยู่ในระดับผู้เล่นที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงสุด11 คนถึง 9 ครั้งด้วยกัน เพียงแค่นี้ก็ทำให้เห็นแล้วว่าค่าตัวของเขาเกินจริงแค่ไหน

อันดับ 6: เควิน เลิฟ

Real Value: 186,446,817 เหรียญ

รายได้ตลอดทั้งอาชีพ: 268,526,780 เหรียญ

ความต่าง: -82,079,963 เหรียญ (-30.57 เปอร์เซนต์)

หากเขาได้รับสัญญาขั้นต่ำเหมือนกับที่อยู่กับ ไมอามี ฮีต ตอนนี้แล้วทำผลงานได้ดีจนช่วยทีมเข้ารอบชิงไปได้ นี่คือผู้เล่นที่มีค่ามากๆเลยทีเดียว แต่ประเด็นก็คือตั้งแต่ที่ เลบรอน เจมส์ ย้ายออกไปจาก คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ผลงานของ เลิฟ ก็ไม่เคยแต่ขั้น All-Star แม้แต่ครั้งเดียว แถมจำนวนการลงเล่นก็ยังน้อยเนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บ

ยิ่งพิจารณากับการที่เขาได้ค่าเหนื่อยถึงปีละ 30 ล้านกับ คลีฟแลนด์ ใน 4 ปีสุดท้าย ยิ่งไม่เหมาะสมเข้าไปใหญ่เพราะเจ้าตัวทำเกิน 15 แต้มต่อเกมได้เพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น

อันดับ 5: จูวอน ฮาเวิร์ด

Real Value: 67,627,323 เหรียญ

รายได้ตลอดทั้งอาชีพ: 151,839,471 เหรียญ

ความต่าง: -84,212,148 เหรียญ (-55.46 เปอร์เซนต์)

หลังจากโชว์เหนือในสองฤดูกาลแรกกับ NBA พร้อมติด All-Star ไปได้ในปีที่สอง เจ้าตัวก็ได้รับสัญญาก้อนโตในขณะนั้น ที่ 7 ปี 105 ล้านเหรียญ จาก วอชิงตัน บุลเล็ตส์ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือหลังจากที่ได้รับสัญญาดังกล่าวแล้ว ตัวเขากลับไม่ค่อยมีการพัฒนาอะไรมากนัก และไม่เคยสามารถไปแตะระดับผู้เล่น All-Star ได้อีกเลยตลอดทั้งอาชีพที่เหลือ

อันดับ 4: ไทสัน แชนด์เลอร์

Real Value: 100,214,306 เหรียญ

รายได้ตลอดทั้งอาชีพ: 189,644,026 เหรียญ

ความต่าง: -89,429,720 เหรียญ (-47.16 เปอร์เซนต์)

จากในลิสต์รายชื่อนี้ แชนด์เลอร์ เป็นผู้เล่นคนเดียวที่ได้แชมป์ NBA, ชนะเวิลด์คัพ และ โอลิมปิก พร้อมกับติด All-Star และได้รางวัลผู้เล่นเกมรับยอดเยี่ยมแห่งปีมาแล้ว ส่วนสาเหตุที่เขามาติดอยู่ในลิสต์นี้นั้นไม่ใช่เพราะสัญญาที่เกินเลยไปก้อนเดียว แต่มันมาจากการที่เขาเล่นมาอย่างยาวนาน และสะสมส่วนเกินเล็กๆน้อยๆไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นว่าเขาขึ้นมาอยู่ในตำแหน่ง 4 ของรายชื่อนี้ 

Klay Thompson 05042023
(NBA Getty Images)

อันดับ 3: เคลย์ ทอมป์สัน

Real Value: 130,271,046 เหรียญ

รายได้ตลอดทั้งอาชีพ: 226,333,321 เหรียญ

ความต่าง: -96,062,275 เหรียญ (-42.44 เปอร์เซนต์)

อาจจะดูเซอร์ไพรส์อยู่เล็กน้อยที่ เคลย์ ทอมป์สัน ต้องติดมาอยู่ในรายชื่อนี้ เพราะเขาคือผู้เล่นระดับ ฮอลออฟเฟม ในอนาคตและเป็นผู้เล่นที่ขึ้นชื่อว่าเป็นชู้ตเตอร์คนหนึ่งที่ดีสุดในประวัติศาสตร์ NBA

จาก HoopsHype และสถิติที่ใช้วัด ตั้งแต่ก่อนเจ็บครั้งใหญ่ เคลย์ ทอมป์สัน สามารถเป็นได้แค่ผู้เล่น 50 คนแรกที่ดีสุดใน NBA เท่านั้นแม้จะเป็นปี 2015-16 ที่เขาช่วย วอร์ริเออร์ส คว้าสถิติ 73-9 พร้อมกับติด All-NBA ทีมสามไปได้ก็ตาม บวกกับอาการบาดเจ็บทั้งฤดูกาลสองปีซ้อนและผลงานในช่วงหลังที่ยังดีไม่พอ ก็ยิ่งทำให้มูลค่าของเขาดูแพงเกินจริงขึ้นไปอีก  

อันดับ 2: กอร์ดอน เฮย์เวิร์ด

Real Value: 137,483,413 เหรียญ

รายได้ตลอดทั้งอาชีพ: 239,422,778 เหรียญ

ความต่าง: -101,939,365 เหรียญ (-42.58 เปอร์เซนต์)

4 ปี 120 ล้าน กับสถิติ 16.6 แต้มต่อเกม พร้อมกับการลงเล่นไปเพียง 50 เปอร์เซนต์จากเกมทั้งหมดในช่วงเวลาสามปี นี่คงเป็นอะไรที่เข้าใจได้ไม่ยากว่าทำไม่ค่าเหนื่อยของ เฮย์เวิร์ด ถึงไม่สมเหตุสมผล และหากเราจะย้อนสัญญากลับไปอีกฉบับที่เขาได้กับ เซลติกส์ ที่ 4 ปี 128 ล้านเหรียญ (ปีละประมาณ 32 ล้าน) เจ้าตัวก็ต้องพบกับอาการบาดเจ็บรุนแรง และพอกลับมาลงสนามได้ ผลงานของเขาก็ไม่โดดเด่นเหมือนเดิมอีกต่อไป โดยทำไปเพียง 14 แต้มต่อเกม ตลอดสามปีที่ลงเล่นเท่านั้น

อันดับ 1: จอห์น วอลล์

Real Value: 161,517,595 เหรียญ

รายได้ตลอดทั้งอาชีพ: 276,580,866 เหรียญ

ความต่าง: -115,063,271 เหรียญ (-55.46 เปอร์เซนต์)

จากมาตราวัดของ HoopsHype จอห์น วอลล์ คือผู้เล่นอันดับ 1 ของรายชื่อนี้ ซึ่งแน่นอนว่าหลายๆคนก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน เรียกได้ว่าการติด All-Star ถึง 5 ครั้งตลอดทั้งอาชีพ ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่เขาได้รับอาการบาดเจ็บครั้งใหญ่ วอลล์ไม่สามารถเรียกฟอร์มระดับ All-Star ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แถมอาการบาดเจ็บก็ยังรุมเร้าต่อไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่เขาได้สัญญากับ วิซาร์ดส์ ถึง 4 ปี 171 ล้านเหรียญ (ปีละประมาณ 42.5 ล้าน) นี่จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม วอลล์ ถึงทะยานขึ้นมาถึงอันดับ 1 ของรายชื่อ แถมด้วยผลงานของเขาก็เหมือนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้ วิซาร์ดส์ ทุบทีมในปัจจุบันอีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง: ไขข้อสงสัย : ทำไม โจเอล เอ็มบีด เลือกเล่นให้กับสหรัฐอเมริกาเหนือฝรั่งเศส

ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา

Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH

Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th

Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand

ผู้แต่ง
Author Photo
นักวิเคราะห์บาสเกตบอล NBA ของ The Sporting News ผู้เจาะลึกทุกเพลย์การเล่น
LATEST VIDEOS