นิโคลา โยคิช คือผู้เล่นที่แม้จะเล่นดีเท่าไหร่ หรือสร้างสุดยอดสถิติมากแค่ไหน แต่แสงก็ยังส่องมาไม่ถึงเท่าที่ควร จนกระทั่งตัวของเขาและ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ นั้นได้เอาชนะทีมขวัญใจมหาชนอย่าง แอลเอ เลเกอร์ส ของ เลบรอน เจมส์ และ แอนโทนี เดวิส ไปได้อย่างหมดจด 4-0 เกมในรอบชิงแชมป์สายฝั่งตะวันตก
เขาสามารถสร้างสถิติไว้มากมายในเพลย์ออฟรอบนี้เช่น ทำสถิติมีค่าเฉลี่ยเป็นทริปเปิล-ดับเบิล (27.8 แต้ม, 11.8 แอสซิสต์ และ 14.5 รีบาวด์ต่อเกม), ทำลายสถิติการทำ ทริปเปิล-ดับเบิล มากที่สุดในเพลย์ออฟหนึ่งฤดูกาลของ วิลท์ แชมเบอร์เลน (7) ที่ครองสถิติมานานถึง 56 ปีลงไปได้ที่ 8 ครั้ง และยังมีโอกาสทำได้มากขึ้นไปอีก
จนสุดท้ายแล้วแสงก็ส่องถึงเขาอย่างเต็มที่ ด้วยการคว้ารางวัล MVP รอบชิงชนะเลิศสายตะวันตกไปครอบครองและสามารถพาทีมเข้ารอบ NBA ไฟนอลส์ไปได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของแฟรนชายส์
กว่าที่ โยคิช จะเดินทางมาสู่การเป็นสุดยอดเซนเตอร์แห่งยุคไม่มีอะไรง่ายดายและไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เส้นทางของเขาต้องฝ่าด่านอะไรต่างๆมามากมาย ซึ่งขวากหนามชิ้นแรกที่เขาต้องเจอก็คือการเป็นเซนเตอร์ที่ร่างกายไม่ดี และไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะดีพอกับการเล่นใน NBA
การเริ่มต้นที่ไม่มีใครสนใจของ นิโคลา โยคิช ใน NBA
หากใครยังจำกันได้ ในปี 2014 นิโคลา โยคิช เซนเตอร์ชาวเซอร์เบียเจ้าของความสูง 7 ฟุต ไม่ได้ขึ้นไปรับหมวกที่มีโลโก้ทีมเหมือนอย่างใครเขาทำกัน เนื่องจากตัวเขาเป็นดราฟท์รอบสองและเป็นอันดับที่ 41 เลยทีเดียว ซึ่งคงมีคนแค่เพียงไม่กี่หยิบมือเท่านั้นที่จะจ้องมองกราฟิกตัวเล็กๆที่วิ่งอยู่ด้านล่างของขอบทีวีในวันดราฟท์
On this night of the NBA Draft Lottery…
— Ben Stevens (@BenScottStevens) May 17, 2023
Never forget that Nikola Jokic was drafted during a Taco Bell commercial. pic.twitter.com/zqFZZOUZSj
ก่อนที่จะมีการดราฟท์ นักวิเคราะห์ได้พูดถึง นิโคลา โยคิช เอาไว้ว่า ร่างกายของเขานั้นไม่มีความเป็นนักกีฬา ทั้งการกระโดดหรือการวิ่งและความเร็ว แม้จะมีการส่ง, การทำแต้มแบบนุ่มนวลและไอคิวการส่งที่ยอดเยี่ยมก็ตาม
นักวิเคราะห์บางคนยังถึงขั้นบอกเอาไว้ว่า หากมองในระยะยาว เซนเตอร์ชาวเซอร์เบียคนนี้อาจจะเป็นได้แค่เพียงผู้เล่นมือสี่ในการทำคะแนนเท่านั้น บวกกับเกมรับที่อืดอาด ทำให้เขาไม่น่าจะถูกส่งลงมากกว่า 30 นาทีอย่างแน่นอน
นี่คือข้อสรุปบางส่วนของการวิเคราะห์การเล่นของเขาจากสื่อต่างๆก่อนที่จะถูกดราฟท์เข้ามาโลดแล่นอยู่ใน NBA และคว้า MVP ไปถึงสองสมัย
เส้นทางใน NBA ของ นิโคลา โยคิช
อย่างที่เราได้บอกไปว่าเขาถูกดราฟท์เข้า NBA ในปี 2014 แต่ทว่ากว่าจะเข้ามาเล่นในลีกจริงๆก็คือฤดูกาล 2015-16 โดยในปีแรกกับ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ โยคิช ทำไปเพียงแค่ 10 แต้มต่อเกมเท่านั้นจาก 21.7 นาทีที่ลงเล่นก่อนที่ทีมจะมีการตัดสินใจครั้งใหญ่จนทำให้เราได้เห็นเซนเตอร์คนนี้เข้าชิง NBA ไฟนอลส์
การตัดสินใจเก็บ นิโคลา โยคิช ของ นักเก็ตส์
จุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทีมจริงๆเกิดขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคมปี 2016 เมื่อหัวหน้าโค้ช ไมค์ มาโลน ตัดสินใจจับ ยูซูฟ เนอร์คิช เซนเตอร์ดราฟท์อันดับที่ 16 ปี 2014 ไปนั่งเป็นตัวสำรองและให้ นิโคลา โยคิช ในวัย 21 ปีขึ้นมาเป็นตัวจริงแทน
ซึ่งนี่คือหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ เนอร์คิช ขอย้ายออกจากทีมจนนำไปสู่การเทรดตัวเขาไปยัง พอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส
นี่คือก้าวที่สำคัญมากๆของทีม แม้จะมาจากความผิดพลาดที่ทีมและโค้ชไม่สามารถทำให้ โยคิช และ เนอร์คิช ลงได้พร้อมกันจนต้องเทรดคนใคคนหนึ่งออกไป แต่อย่างน้อยมันคือการผลักให้ โยคิช ได้ลงในตำแหน่งตัวจริงจนกลายเป็นผู้นำแฟรนชายส์ของทีมนี้อย่างเต็มตัว
เส้นทางสู่ All-Star และ MVP ของ นิโคลาโยคิช
หลังจากที่ทีมได้เริ่มปรับแต่งโครงสร้างของตัวผู้เล่น โยคิชก็เริ่มก้าวไปสู่จุดที่เป็น All-Star ในฤดูกาล 2018-19 พร้อมพาทีมเข้าเพลย์ออฟเป็นหนแรกนับตั้งแต่ปี 2012-13 เลยทีเดียว ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ยังคงแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นการทำแต้ม, การส่ง หรือ ทักษะเพลย์เมคเกอร์ของเขา จนทำให้ทีมเข้าสู่เพลย์ออฟได้ 5 ปีติดต่อกัน
เท่านั้นยังไม่พอเพราะ โยคิช ยังสามารถคว้ารางวัล MVP ไปได้ถึงสองสมัยติดต่อกันทั้งในฤดูกาล 2020-21 ด้วยการมีค่าเฉลี่ยที่ 26.4 แต้ม, 8.3 แอสซิสต์ และ 10.8 รีบาวด์ต่อเกมพร้อมพาทีมจบอันดับ 3 ของสายตะวันตก และ 2021-22 ที่เขาทำไป 27.1 แต้ม, 7.9 แอสซิสต์ และ 13.8 รีบาวด์ต่อเกม แถมยังพาทีมจบอันดับ 6 ของสายตะวันตกได้โดยที่ไม่มีผู้เล่นคนสำคัญของทีมทั้งสองคนเนื่องจากอาการบาดเจ็บทั้ง จามาล เมอร์รีย์ และ ไมเคิล พอร์ตเตอร์ จูเนียร์
เพลย์ออฟที่ไม่ง่ายของ นิโคลา โยคิช
ปีแรกหรือก็คือฤดูกาล 2018-19 ที่ โยคิช สามารถ ทะลุเข้าเพลย์ออฟไปได้ พวกเขาไม่ได้ไร้ซึ่งพิษสงเพราะพวกเขาเอาชนะ สเปอร์ส มาได้ในรอบแรกก่อนที่จะโดน เดเมียน ลิลลาร์ด เอาชนะไปใน 7 เกม
ในฤดูกาล 2019-20 โยคิช สามารถพาทีมเข้าไปสู่รอบชิงแชมป์สายได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เขาได้อยู่กับทีมมา ซึ่งในตอนนั้นทีมเขากลับต้องเจอตอชิ้นใหญ่ในรอบชิงแชมป์สายอย่าง แอลเอ เลเกอร์ส ของ เลบรอน เจมส์ และ แอนโทนี เดวิส คนเดิมที่เขาเจอในเพลย์ออฟปี 2022-23 แต่ในตอนนั้น เดวิส ยังคงเป็นผู้เล่นที่ทำแต้มได้ทั้งสามระยะและแน่นอนว่า เลบรอน เจมส์ ยังคงเป็นผู้เล่นที่มีอายุประมาณ 35-36 ปีเท่านั้น
สุดท้ายแล้ว เลเกอร์ส ก็เป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะไปจนได้ 4-1 เกม ทำให้ทีมต้องหยุดเส้นทางไว้เท่านี้แม้ โยคิช จะสามารถพาทีมกลับมาชนะจากการตาม 3-1 เกมได้ทั้งสองซีรีส์แรกกับ แจ๊ซ และ คลิปเปอร์ส ก็ตาม ก่อนที่ในฤดูกาลถัดมา (2020-21) โยคิช ก็สามารถพาทีมเข้าเพลย์ออฟไปได้อีกครั้ง โดยแบกทีมโดยที่ไม่มี จามาล เมอร์รีย์ เนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ไหวต้องแพ้กับ ซันส์ ของ เดวิน บุคเกอร์ และ คริส พอล ไปในเพลย์ออฟรอบสองที่ 4-0 เกม
เส้นทางการพาทีมเข้าเพลย์ออฟของ โยคิช ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆโดยไม่หยุดยั้งหลังเขาพาทีมรอดตายจากเพลย์อินด้วยการคว้าอันดับ 6 ของสายโดยไม่มีทั้ง จามาล เมอร์รีย์ และ ไมเคิล พอร์เตอร์ จูเนียร์ แต่จนแล้วจนรอดก็ต้องมาเจอของแข็งหรือทีมที่ไม่อยากเจอที่สุดทีมหนึ่งอย่าง โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส จนได้ในรอบแรก
ด้วยการที่ไม่มีผู้เล่นสำคัญของทีมทั้งสองคนและเกมรับของ โยคิช นั้นค่อนข้างแพ้ทาง สเตฟเฟน เคอร์รี และ วอร์ริเออร์ส ทำให้เส้นทางของ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ จบลงอย่างรวดเร็วด้วยการแพ้ซีรีส์ไป 4-1 เกม
การตั้งคำถามของสื่อและแฟนๆกับกับฟอร์มของ โยคิช ในเพลย์ออฟ
หลังจากการพ่ายแพ้ในรอบสอง กับ ซันส์ 4-0 เกมในปี 2021 บวกกับการแพ้ วอร์ริเออร์ส ในห้าเกมในปี 2022 ทำให้หลายๆคนเริ่มตั้งคำถามว่าตัวของเขาเป็นเพียงแค่ผู้เล่นฤดูกาลปกติรึเปล่า หรือจะเป็นการโดนบอกว่า MVP ในปี 2022 ที่เขาได้มาไม่เหมาะสมเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ค่อยแฟร์กับ โยคิช เท่าไหร่นัก
แน่นอนว่าผลลัพธ์นั้นมันไม่ค่อยน่าพอใจเท่าไหร่ในเพลย์ออฟ แต่ทุกคนกลับลืมพูดถึงเรื่องสำคัญไปก็คือ “ไม่มีใครสามารถชนะด้วยตัวคนเดียวได้” เขาขาดทั้งพอยต์การ์ดอย่าง จามาล เมอร์รีย์ ที่ช่วยกันพาทีมเข้าชิงแชมป์สายในปี 2020 ไปทั้งสองปีที่ค่อนข้างล้มเหลว และ ไมเคิล พอร์ตเตอร์ จูเนียร์ ดราฟท์อันดับที่ 14 ในปี 2018 ที่ตัวใหญ่ เคลื่อนที่ดีและยิงสามคะแนนได้ยอดเยี่ยมไปในเพลย์ออฟปี 2022 เพราะฉะนั้น ตัวของเขาเองได้ทำหน้าที่ที่ดีที่สุดแล้วแต่ทว่ามันก็ไม่ดีพอที่จะทำให้ “ทีมของเขา” ไปไกลได้มากกว่านั้น
นิโคลา โยคิช กับการพิสูจน์ตัวเอง
ในย่อหน้าที่แล้ว ผมได้เขียนเอาไว้แล้วว่าไม่มีใครที่สามารถชนะได้ด้วยตัวคนเดียว หลังจากที่ เมอร์รีย์ และ พอร์เตอร์ ได้พักฟื้นจากอาการบาดเจ็บอย่างเต็มที่ ทีมก็กลับมาสมบูรณ์อีกครั้งในฤดูกาล 2022-23 พร้อมกับได้ผู้เล่นตัวสำคัญทั้ง เคนทาเวียส คาล์ดเวลล์-โป๊บ, บรูซ บราวน์ และดราฟท์อันดับที่ 21 อย่าง คริสเตียน บราวน์ เข้ามาเสริมทีมในช่วงปิดฤดูกาล ทำให้พลพรรคชาว เดนเวอร์ ค่อนข้างอุ่นใจและหวังไว้สูงว่าอย่างน้อยปีนี้ นักเก็ตส์ ต้องไปได้ไกลกว่าเดิม
และแน่นอนว่า โยคิช ไม่ทำให้ใครหลายคนผิดหวัง พาทีมขึ้นไปรั้งเป็นอันดับ 1 ของสายตะวันตก เข้าเส้นชัยไปแบบสบายๆ แถมตัวเขายังมีลุ้น MVP สามสมัยซ้อนอีกด้วย แต่ทว่าก็ต้องเสียไปให้กับ โจเอล เอ็มบีด แต่ทว่าเรื่องนั้นมันไม่ได้สำคัญกับ โยคิช เท่าไหร่นัก
พวกเขาเข้ารอบมาด้วยการเป็นอันดับ 1 ของสายตะวันตก แต่ทว่ากลับไม่มีใครมองว่าพวกเขาคือทีมลุ้นแชมป์ แต่พวกเขาก็พิสูจน์ให้เห็นด้วยการเริ่มทุบ มินเนโซต้า ทิมเบอร์วูล์ฟส์ ไป 4-1 เกมในรอบแรก, อัดเต็งแชมป์สายตะวันตกอย่าง ซันส์ ของ เดวิน บุคเกอร์ และ เควิน ดูแรนท์ ไปขาดลอย 4-2 เกม ต่อด้วยซีรีส์ประวัติศาสตร์ที่ โยคิช ได้นำทีมบันทึกไว้ให้กับแฟรนชายส์นักเก็ตส์
ในรอบชิงแชมป์สายพวกเขาอัด แอลเอ เลเกอร์ส ไปยับเยิน 4-0 เกม ซึ่งนี่เป็นประวัติศาสตร์การกวาดซีรีส์ครั้งแรกของ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ ในเพลย์ออฟ จนพาทีมเข้าชิงเป็นครั้งแรกของแฟรนชายส์ไปจนได้
ในตอนนี้ โยคิช ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าตัวของเขาสามารถนำทีมที่พร้อมไปสู่ชัยชนะได้จริงๆ ด้วยการทำค่าเฉลี่ย ทริปเปิล-ดับเบิล ตลอดเพลย์ออฟปี 2023 ที่ 29.9 แต้ม, 10.1 แอสซิสต์ และ 13.2 รีบาวด์ เขาพิสูจน์ให้เห็นทั้งเรื่องการทำแต้ม, การเป็นเพลย์เมคเกอร์ รวมถึงการเล่นเกมรับที่แม้จะมีจุดอ่อนแต่เขายังเล่นอย่างเต็มที่เพื่อให้ทีมได้รับชัยชนะ โดยเฉพาะเมื่อเจอกับ แอนโทนี เดวิส ของ แอลเอ เลกอร์ส
เซนเตอร์ที่เปลี่ยนโลกบาสเกตบอล NBA
คำนิยามของ เซนเตอร์ ในความคิดหลายๆคนคือการรอลูกที่วงใน ถล่มคู่ต่อสู้ด้วยโพสต์เพลย์ และเก็บรีบาวด์เป็นหลัก แต่ไม่ใช่สำหรับ โยคิช คนนี้
เขาคือหนึ่งในผู้เล่นที่เกมรุกโหดมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ NBA ด้วยความสูง 7 ฟุต พร้อมน้ำหนัก 128 กิโลกรัม ทำให้เซนเตอร์ที่เด่นเรื่องเกมรับอย่าง รูดี โกแบร์ และ แอนโทนี เดวิส ยังป้องกันแบบ 1-1 ไม่อยู่
เขาคือคนที่เลี้ยงบอลได้ดี, รับรู้เพลย์ได้อย่างปรุโปร่งและมีการจ่ายที่สุดยอดมากๆคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ NBA จนเป็นคนถือบอลในเกม พิคแอนด์โรล ได้สบายๆ เมื่อโดนรุมสองไม่ว่าจะเป็นเกมโพสต์หรือไดร์ฟเข้าหาห่วงเขาก็พร้อมที่จะส่งให้เพื่อนเสมอ และแน่นอนว่ามันจะเข้ามีเพื่อนแบบไม่ต้องคิด
เขาคือคนที่ทำได้ทุกอย่างในเกมรุก ไม่ว่าจะใต้แป้น, ระยะกลาง หรือ สามคะแนน โดยเฉพาะในเพลย์ออฟปี 2022-23 ที่เขากด 3 คะแนนลงไปถึง 47 เปอร์เซนต์จากการยิง 3.6 ครั้งต่อเกม
คงไม่มีใครอยากเชื่อว่านี่คือฝีมือของ เซนเตอร์ ที่ดูเชื่องช้าและสูงถึง 7 ฟุต แต่นี่มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ การเดินทางของเขายังไม่สิ้นสุดลงเพราะ โยคิช เพิ่งอายุ 28 ปีเท่านั้นและเขายังเหลืองานที่ต้องทำโดยการชนะอีก 4 เกมใน NBA ไฟนอลส์
ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เขาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาควรได้รับคชื่นชมและคำยกย่องจริงๆว่านี่คือผู้เล่นที่ดีที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้แม้ว่าเส้นทางของเขาจะต้องเจอกับอุปสรรคมากมายก็ตาม
NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัด คลิกเลย