30 วัน 30 ทีม : การพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งของ โดโนแวน มิชเชล กับ คาวาเลียร์ส โฉมใหม่

Author Photo
Donovan Mitchell
(Getty Images)

การย้ายบ้านจาก แจ๊ซ มาอยู่กับ คาวาเลียร์ส ในฤดูกาล 2022-23 ทำให้ โดโนแวน มิชเชล ประกาศให้คนทั้งโลกเห็นอีกครั้งว่าเขามีความสามารถแค่ไหน ทั้งการติดทีม All-NBA เป็นครั้งแรกตลอดการเล่นอาชีพ และติดทีม All-Star เป็นครั้งที่ 4 คือเครื่องยืนยันเรื่องนี้ได้อย่างดี

เส้นทางของเขาเหมือนจะสวยงามกับ คาวาเลียร์ส ด้วยการพาทีมจบอันดับ 4 ของสายตะวันออกในฤดูกาลปกติ แต่ทว่าพวกเขากลับพลาดท่าตกรอบแรกไปแบบสู้ไม่ได้ให้กับ นิวยอร์ก นิกส์ โดยส่วนหนึ่งก็คงต้องบอกว่าเป็นเพราะทีมของเขาดีไม่พอ

ด้วยการที่ คาวาเลียร์ส เพิ่มเติมผู้เล่นที่เสริมจุดอ่อนเข้ามา นี่จึงทำให้เป็นบทพิสูจน์ชั้นดีของ มิชเชล อีกครั้งว่าเจ้าตัวจะไปได้ไกลแค่ไหนกับ คาวาเลียร์ส ทั้งในฤดูกาลปกติ และ เพลย์ออฟ 

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก

การพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งของ โดโนแวน มิชเชล กับ คาวาเลียร์ส

ที่ต้องบอกว่านี่เป็นการพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งของ มิชเชล นั้นก็เพราะว่าเขามีโอกาสจะทำผลงานได้ดีกว่านี้ หากปัญหาของทีมได้รับการแก้ไข โดยปัญหาส่วนใหญ่ก็มาจากรอบเพลย์ออฟของฤดูกาลที่ผ่านมา และหากมาดูดีๆแล้ว ในฤดูกาลปกติก็เริ่มมีแววให้เห็นเช่นกัน ซึ่งปัญหานั้นก็คือ...การยิงสามคะแนน

ช่วงการแข่งขัน

จำนวนการยิงสามคะแนน

อันดับ

เปอร์เซนต์สามคะแนน

อันดับ

ฤดูกาลปกติ

31.6

24/30

36.7 เปอร์เซนต์

12/30

เพลย์ออฟ

30.6

13/16

32.7 เปอร์เซนต์

12/16

การยิงสามคะแนนในฤดูกาลปกติของ คาวาเลียร์ส ไม่ได้ย่ำแย่อะไรมากนักเพราะอยู่ครึ่งบนของตารางในเรื่องความแม่น (อันดับ 12) แต่หากไปดูที่จำนวนการยิงของพวกเขาแล้ว จะสังเกตุเห็นว่าไม่ได้มีค่าเฉลี่ยโอกาสการยิงที่เยอะเท่าไหร่ ตัดภาพมาช่วงเพลย์ออฟ แผลนี้ก็ยิ่งชัดมากขึ้นเพราะ นิกส์ เลือกที่จะใช้การรุม มิชเชล และซ้อนใต้แป้นให้มากที่สุด เพื่อลดประสิทธิภาพการทำแต้มของ คาวาเลียร์ส แล้วมันก็ได้ผลแบบสุดๆอีกต่างหาก

ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าพวกเขาไม่มีมือปืนหรือผู้เล่นที่ยิงสามแต้มได้ดีเลยนอกจาก โดโนแวน มิชเชล (38.6 เปอร์เซนต์) กับ ดาเรียส การ์แลนด์ (41.0 เปอร์เซนต์) หากนับจากผู้เล่นที่ได้นาทีการลงเล่นแบบสม่ำเสมอ แต่ปัญหาก็คือทั้งสองคนนี้กลับเป็นตัวถือบอลคนสำคัญของทีม เพราะฉะนั้นหน้าที่ในการถ่างโซนหรือมือปืนแบบแคตช์แอนด์ชู้ตนั้นจึงจำเป็นมากๆสำหรับ คาวาเลียร์ส ในตอนนี้

สาเหตุที่ คาวาเลียร์ส คว้าอันดับ 4 ในฤดูกาลปกติมาได้นั้น ส่วนใหญ่ก็มาจากการพึ่งความสามารถในเกมรุกของการ์ดตัวหลักทั้งสองคนนี้ บวกกับเกมรับที่เหนียวแน่นของ อีแวน โมบลี และ แจร์เร็ตต์ อัลเลน สองผู้เล่นวงในสุดแกร่งของทีม แต่ทว่าแค่นี้ไม่มีทางพอ หากคุณอยากเป็นทีมที่ดีกว่านี้

จากที่ดูการบริหารของ คาวาเลียร์ส ตอนนี้ การใช้บิ๊กแมนสองคนที่ยิงไม่ได้เป็นตัวจริงยังคงเป็นแผนหลักและพวกเขาคงมั่นใจในการทำทีมแบบนี้ ถึงแม้จะส่งผลให้หนึ่งในจุดเด่นของ มิชเชล อย่างเช่นการข้ามเข้าหาห่วงโดนลดประสิทธิภาพไปก็ตาม เนื่องจากไม่มีสเปซมากพอให้การ์ด All-Star คนนี้ได้เล่นเท่าไหร่

ในเมื่อยังยืนยันแบบนี้ การแก้ไขปัญหาของทีมจึงมองไปถึงการแก้ปัญหาที่ฟอร์เวิร์ดมากกว่า ซึ่งก็เป็นอีกปัญหาใหญ่ของทีมตลอดทั้งฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียวกับการหาซุ้มมือปืนเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น แม็กซ์ สตรูส ฟอร์เวิร์ดที่สร้างผลงานไว้กับ ไมอามี ฮีต ในฤดูกาลที่แล้ว, การดราฟต์ อีโมนี เบตส์ ฟอร์เวิร์ดร่างโย่งที่เน้นการทำแต้ม เข้ามาในอันดับที่ 49 หรือจะเป็นการทดลองใช้ แซม เมอร์ริลล์ การ์ด/ฟอร์เวิร์ด วัย 27 ที่เฉิดฉายกว่าใครเพื่อนในซัมเมอร์ลีก

ผู้เล่น

จำนวน/เปอร์เซนต์การยิงสามคะแนน (ฤดูกาลปกติ/ซัมเมอร์ลีก)

หมายเหตุ

ไอแซค โอโคโร (ผู้เล่นเดิม)

2.3/35.7%

ฤดูกาลปกติสองปีล่าสุด

คาริส เลอเวิร์ต (ผู้เล่นเดิม)

4.4/36.0%

ฤดูกาลปกติสองปีล่าสุด

อีแวน โมบลี (ผู้เล่นเดิม)

1.3/23.2%

ฤดูกาลปกติสองปีล่าสุด

เซดี ออสแมน (ย้ายไปสเปอร์ส)

4.7/36.4%

ฤดูกาลปกติสองปีล่าสุด

แม็ก สตรูส*

6.8/37.6%

ฤดูกาลปกติสองปีล่าสุด

อีโมนี เบตส์*

7.5/40.0%

สถิติในซัมเมอร์ลีก 2023

แซม เมอร์ริลล์ (ผู้เล่นเดิม)

11.2/44.6%

สถิติในซัมเมอร์ลีก 2023

*ผู้เล่นที่เสริมเข้ามาในช่วงปิดฤดูกาล

จากสถิติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจำนวนการยิงหรือเปอร์เซนต์การยิง ผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาเสริมทัพนั้น ดีกว่าอย่างชัดเจน แม้ เมอร์ริลล์ จะเป็นผู้เล่นของ แคฟส์ ตั้งแต่ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ทว่าเขากลับไม่ค่อยมีโอกาสมากนักในการลงเล่น (5 เกม) เพราะฉะนั้นการที่จะรวมเขาเข้าไปเป็นสมาชิกประจำหน้าใหม่ของทีมก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้ไม่ยาก

ด้วยการคว้า สตรูส มาได้ จึงมีความเป็นไปได้มากทีเดียวที่เขาจะได้ลงในตำแหน่ง 3 ของทีมแทน ไอแซค โอโคโร ผู้เล่นที่ป้องกันดี แต่ไร้ความสม่ำเสมอเรื่องสามคะแนน แถมความสูงของทั้งคู่ก็ยังพอกันอีกด้วย นอกจากนั้น สตรูสก็ไม่ใช่คนที่ป้องกันแย่ นี่จึงถือว่าเป็นการอัพเกรดที่ดีพอสมควร 

อีกหนึ่งประเด็นที่เราต้องรอดูกันในฤดูกาลนี้ก็คือเกมบุกของ อีแวน โมบลี ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการยิงสามคะแนน หรือจะเป็นการชงเองกินเอง การยิงลงไปเพียง 23.2 เปอร์เซนต์ จากสามคะแนนนั้นเป็นเรื่องที่จะทำให้เขาและทีมได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน แม้ว่าเกมรับของเจ้าตัวจะดีและอเนกประสงค์แค่ไหนก็ตาม

แต่หากเขาทำได้ การใช้ผู้เล่นตัวใหญ่ทั้งสองคนอยู่ในไลน์อัพเดียวกัน จะกลายเป็นจุดแข็งกว่าเดิมทันทีของ แคฟส์ ชุดนี้เพราะจะมีทั้งสเปซที่มากขึ้นแต่ก็ยังคงความแข็งแกร่งในเกมรับได้เหมือนเดิม ไม่เหมือนกันตอนที่เจอ นิกส์ ในเพลย์ออฟ ที่โดนบีบให้ใช้ผู้เล่นตัวใหญ่คนเดียวบ่อยครั้ง เพราะทีมไร้ซึ่งสเปซจะมาต่อกร แถมพอเจอเซ็นเตอร์ตัวใหญ่อย่าง มิชเชล โรบินสัน ก็โดนแย่งรีบาวด์นับครั้งไม่ถ้วน

จากการเสริมทีมที่ดีและการคาดหวังในการพัฒนาของตัวผู้เล่น ทำให้ โดโนแวน มิชเชล จะมีทรัพยากรรอบตัวที่ดีและเอื้ออำนวยให้กับเขามากกว่าช่วงฤดูกาลที่ผ่านมาแน่นอน เป้าหมายของ แคฟส์ คือการติด 1 ใน 4 ทีมบนตารางของสายตะออกอีกครั้งและทะลุเข้าไปให้ไกลมากกว่ารอบแรก 

นี่จึงเป็นการพิสูจน์ฝีมือของ มิชเชล อีกครั้งว่า ในเมื่อทีมมีความพร้อมมากขึ้นแล้ว เจ้าตัวจะสามารถพาทีมไปได้ไกลกว่าเดิมมากแค่ไหน? เรื่องนี้เราคงต้องติดตามกันต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง: เปิดตัวเต็งรางวัลผู้เล่นพัฒนายอดเยี่ยมแห่งปี NBA ฤดูกาล 2023-24

บทความที่เกี่ยวข้อง: ทำไมสหรัฐอเมริกาขึ้นเบอร์ 1 ของโลก? แม้จบอันดับ 4 ในเวิลด์คัพ

ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา

Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH

Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th

Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand 

ผู้แต่ง
Author Photo
นักวิเคราะห์บาสเกตบอล NBA ของ The Sporting News ผู้เจาะลึกทุกเพลย์การเล่น
LATEST VIDEOS