อีกไม่กี่วันมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งมวลมนุษยชาติ ปารีสเกมส์ 2024 โอลิมปิกฤดูร้อนที่จัดขึ้นที่ปารัส ประเทศฝรั่งเศส กำลังจะเริ่มขึ้น นอกจากทิวทัศน์และความสวยงามของกรุงปารีสที่จะใช้เป็นฉากหลังแล้ว การจัดการแข่งขันครั้งนี้ยังมีมิติทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจที่น่าสนใจ
เพราะเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศยุบสภาพก่อนที่จะอยู่กันครบเทอม และจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ รอบแรกในวันที่ 30 มิถุนายน และเลือกตั้งรอบ 2 ในวันที่ 7 กรกฎาคม2567 และกลายเป็นผลการเลือกตั้งที่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับฝรั่งเศสและยุโรปในฐานะเป็นหนึ่งในชาติชั้นนำของทวีป
ในรอบแรกฝ่ายการเมืองขวาจัด อย่างพรรคเนชั่นแนลแรลลี (National Rally) หรือเอ็นอาร์ ภายใต้การนำของ มารี เลอ แปน กลายเป็นพรรคที่มีคะแนนนำถึง 33% ซึ่งแน่นอนว่านโยบายที่เกี่ยวกับผู้อพยพ และการเน้นวินัยทางการคลัง ย่อมส่งผลกับการลงทุนทางเศรษฐกิจ และจุดยืนทางการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ในช่วงศึกฟุตบอลยูโร 2024
ทีมฝรั่งเศสแท้ๆหน้าตาเป็นอย่างไร?
ถึงกับสื่อต่างประเทศบางสำนักลองจัดทีมฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส ในแบบ 11 ตัวจริงแบบไม่มีผู้อพยพหรือจากประเทศอาณานิคม ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากเพราะแกนหลักของทีมชาติฝรั่งเศสนั้นมาจากผู้อพยพหรืออาณานิคม ไม่ว่าจะเป็น เอ็นกองโล กองเต้ มิดฟิลด์ตัวหลักของทีม หรือ อุสมาน เดมเบเล่ ตัวทำเกม ถ้าหากปราศจากผู้เล่นเหล่านี้ ในผัง 11 ตัวอาจจะต้องย้อนไปใช้ศูนย์หน้า อองเดร ปิแอร์ ฌิชัก ที่ปัจจุบันเล่นในลีกเม็กซิโก กับ ติเกรส
เรื่องผู้อพยพกลายเป็นดราม่าระดับประเทศ เมื่อทีมฟุตบอลอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์โคปาอเมริกา 2024 ปรากฏคลิปฉลองแชมป์บนรถบัสที่ เอ็นโซ่ เฟอนันเดซ มิดฟิลด์อาร์เจนไตน์ ร้องเพลงส่อถึงการเหยียดเชื้อชาติที่ว่า "พวกเขาเล่นให้ฝรั่งเศส แต่ที่จริงพ่อแม่มาจาก แองโกล่า แม่ของพวกเขามาจากแคเมอรูน ขณะที่พ่อของพวกเขามาจากไนจีเรีย แต่พาสปอร์ตของบอกว่าพวกเขาเป็นคนฝรั่งเศส" เรื่องนี้ถูกประณามเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเกิดกลุ่มแกนนำขวาจัดของประเทศ ที่มีจุดยืนตรงข้ามกับผู้อพยพบ้าจี้ขึ้นมาคงดูไม่จืด
โอลิมปิก ไม่ได้ทำให้เรากินดีอยู่ดีขึ้น
ก่อนพิธีเปิดโอลิมปิกไม่นาน เกิดเหตุทหารในกองกำลังต่อต้านการก่อการร้ายของฝรั่งเศสถูกแทงกลางกรุงปารีส ระหว่างลาดตระเวนที่สถานีรถไฟการ์เดอเลส์ (Gare de l'Est) โดยทำให้ฝรั่งเศสต้องเสริมกำลังรักษาความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในกลุ่มที่ถูกพุ่งเป้าก็คือกลุ่มผู้อพยพ เพราะการลาดตระเวนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการที่เรียกว่า “เซนทิเนลล์” ที่เริ่มจากการต่อต้านก่อการร้ายในเหตุบุกทำลายสำนักงานนิตยสาร “ชาร์ลี เอบโด” ที่มีการล้อเลียนกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง
สิ่งหนึ่งที่ฝ่ายขวามักจะทำก็คือการมอบอำนาจ และความชอบธรรมในการใช้อำนาจความรุนแรงให้กับรัฐ ในนามของ “การรักษาความสงบเรียบร้อย” ยิ่งเกิดเหตุแบบนี้ยิ่งมีความชอบธรรมมากขึ้น อันที่จริงก่อนหน้าจะเลือกตั้งนี้ชาวฝรั่งเศสส่วนหนึ่งก็ไม่ได้แฮปปี้กับการได้จัดโอลิมปิก เพราะมาตรการการควบคุมความปลอดภัยระหว่างจัดโอลิมปิกนั้น กระทบชีวิตประจำวันคนฝรั่งเศส มีการควบคุมแน่นหนาไม่ต่างจากช่วงล็อกดาวน์ยุคโควิด-19 เลยทีเดียว
อีกส่วนหนึ่งก็ตั้งคำถามว่าการจัดโอลิมปิกครั้งนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือ? เพราะตั้งแต่ขึ้นศตวรรษที่ 21 มีเพียงแค่ ลอนดอนเกมส์ 2012ที่เรียกว่าประสบความสำเร็จทางธุรกิจ กรีซและบราซิล เป็นสองชาติที่เดินทางไปสู่ความถดถอยของเศรษฐกิจประเทศหลังจากเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก ฝรั่งเศสเองจะประสบชะตากรรมเช่นเดียวกันรึไม่?
อย่างไรก็ดีในการเลือกตั้งครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา กลุ่มพันธมิตรพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายที่เพิ่งจัดตั้งเมื่อมิถุนายนหลังมาครงยุบสภาในนามพรรค New Popular Front (NFP) พลิกเอาชนะเป็นอันดับ 1 โดยกวาด สส. ไป 182 ที่นั่ง ซึ่งการพลิกเกมดังกล่าวทำให้ฝรั่งเศส สิ่งที่เกิดขึ้นในการเมืองฝรั่งเศสตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นภาวะ ‘สภาแขวน’ (Hung Parliament) จากการที่ไม่มีพรรคการเมืองหรือกลุ่มพรรคการเมืองใดครองเสียงข้างมาก
เรียกได้ว่าภาวะความไม่ชัดเจนแบบนี้ส่งผลกระทบในทุกมิติไม่เว้นแม้กระทั่งกีฬา ถึงแม้ท้ายที่สุดฝรั่งเศสอาจจะได้รัฐบาลผสมที่ไม่ได้ขวาจัด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความเป็นขวามากขึ้นอย่างแน่นอน
บทความโดย : พิเชฐ ยิ่งเกียรติคุณ
ที่มา
https://www.bbc.com/sport/football/articles/c80x1947rxzo
https://edition.cnn.com/2024/07/08/europe/france-election-what-next-explainer-intl/index.html