ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ข่าวคราวชัดเจนสำหรับเรื่องราวของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สุดยอดแนวรุกทีมชาติฝรั่งเศส ที่อยู่ในการเจรจาต่อสัญญา กับต้นสังกัดปัจจุบัน อย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง หรือจะย้ายไปอยู่กับเรอัล มาดริดทีมในฝันของเขา
ซึ่งสุดท้ายในตอนจบเป็นทีมดังจากฝรั่งเศสที่สามารถรั้งนักเตะรายนี้เอาไว้ได้ด้วยการให้ค่าเหนื่อยในระดับที่แพงที่สุดในโลก นั่นคือ 105 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือประมาณ 3,938 ล้านบาทไทย
ถึงจะเป็นราคาที่แฟนบอลล้อเลียนว่า แพงเกินความเป็นจริงไปมาก อย่างไรก็ตามมันมีหลายเหตุผล ที่ทำให้สุดท้ายเปเอสเชยอมจ่ายค่าเหนื่อยระดับแพงที่สุดในโลก เพื่อที่จะรั้งให้เอ็มบัปเป้อยู่กับทีมต่อไป
ว่าที่สุดยอดคนต่อไป
ปฎิเสธไม่ได้ว่า คีลิยัน เอ็มบัปเป้ คือยอดนักเตะคนหนึ่งของโลก นี่คือนักเตะที่พร้อมสานต่อ หากหมดยุคระหว่าง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
นี่คือนักเตะที่มีพร้อมทุกอย่าง มีความซูเปอร์สตาร์, มีมูลค่าทางการตลาด และเป็นนักเตะที่สุดยอด เอ็มบัปเป้ฝากผลงานกับเปแอสเช เมื่อฤดูกาลก่อนกับผลงาน 39 ประตู และ 26 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 46 นัดในทุกรายการ
เอาแค่ผลงานในสนาม ก็ไม่แปลกเลยว่าทำไมทางเปแอสเช ถึงพยายามรั้งนักเตะรายนี้เต็มที่ เพราะเขาสำคัญมากต่อทีม
แน่นอนว่าในระยะยาว นี่คือสุดยอดนักเตะที่อายุแค่ 22 ปีเท่านั้น แต่ทำผลงานได้ขนาดนี้ และสามารถทำผลงานที่ดีติดต่อกันมาหลายปีแล้ว เขากำลังจะเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลก จากอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งไม่มีใครอยากจะปล่อยนักเตะที่ดีขนาดนี้อยู่แล้ว
ซึ่งหากไม่มีเอ็มบัปเป้ การสานโปรเจ็กต์พาให้ทีมดังเมืองปารีสไปสู่การเป็นเจ้ายุโรปอาจจะลำบากขึ้นไปอีกมาก การมียอดนักเตะอย่างเขาอยู่ในทีมถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้งานส่วนนี้ง่ายขึ้นอีกเป็นกอง
ยิ่งมองถึงผลงานในฟุตบอลโลก 2022 ยิ่งช่วยให้เราเห็นภาพว่าเอ็มบัปเป้พร้อมแล้ว กับการก้าวขึ้นมาเป็นสุดยอดนักเตะของโลกลูกหนังคนต่อไป ชัดเจนว่าเขาแซงหน้า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในวัย 37 ปีไปแล้วเรียบร้อย จะเหลือก็แต่เพียง ลีโอเนล เมสซี่ เพื่อนร่วมทีมเปแอสเช ที่ยังขวางทางเขาอยู่เท่านั้น
ด้วยฝีเท้าที่โดดเด่นชัดเจนในฐานะสุดยอดแบบนี้ เปแอสเชที่ทะเยอทะยานอยากเป็นมหาอำนาจลูกหนังย่อมยอมจ่ายเงินแบบไม่อั้นเพื่อจะรั้งตัวเอ็มบัปเป้เอาไว้ให้ได้ ดีกว่าต้องยอมเห็นกองหน้ารายนี้ไปสร้างความอันตรายให้กับสโมสรอื่น
ไม่นับรวมกับว่า เอ็มบัปเป้มีมูลค่าทางการตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสโมสรปารีสฯ ถือเป็นทีมหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเช่นกัน หากเก็บเอ็มบัปเป้ไว้กับทีมได้ ย่อมส่งผลกับการตลาดของทีมในระยะยาวแน่นอน
รั้งสุดกำลัง
การที่ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยอมจ่ายเงินมหาศาลเพื่อที่จะรั้งคีลินยัน เอ็มบัปเป้ เป็นอะไรที่แฟนบอลเข้าใจกันดี และสรุปได้ว่าที่เอ็มบัปเป้อยู่ต่อกับทีม นั่นก็เพราะเงินที่เปเอสเชหยิบยื่นให้เท่านั้น
แต่การจ่ายเงินก้อนโตก้อนนี้ก็มีที่มา เมื่อจะขัดขวางความฝันของนักเตะ ที่อยากไปสวมชุดขาวของเรอัล มาดริด เพื่อสานฝันของตัวเองในวัยเด็ก การรั้งตัวเอ็มบัปเป้ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย และจะใช้เงินรั้งก็ต้องเป็นจำนวนมากถึงมากที่สุด
ค่าเหนื่อยที่เอ็มบัปเป้ได้รับจากเปแอสเช อยู่ที่ราวๆ 1 ล้านยูโรต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 36 ล้านบาท มากกว่าเดิมเกิน 2 เท่า แถมด้วยเงินกินเปล่าอีก 100 ล้านยูโร หรือ 3,600 ล้านบาท ที่ทางสโมสรยื่นให้ เป็นการแสดงถึงความต้องการจากใจจริงของเปแอสเช ที่ยอมทุ่มไม่กลัวโดนล้อ เพื่อรั้งนักเตะที่ดีที่สุดของทีมไว้ให้ได้
อย่างไรก็ตามมันอาจไม่ใช่แค่เรื่องเงินอย่างเดียวที่ เอ็มบัปเป้ เลือกจะอยู่กับเปเอสเชต่อไปด้วยสัญญายาวถึงปี 2025
มากกว่านั้นคือการที่มีการนำเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง เพราะตัวเอ็มบัปเป้เองก็เคยหลุดปากพูดถึงเรื่องราวที่เขาได้ปรึกษากับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสด้วย เกี่ยวกับการอยู่ที่เปเอสเชต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าระดับผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศมากล่อมให้เล่นฟุตบอลในฝรั่งเศสต่อไป เอ็มบัปเป้คงจะได้ผลประโยชน์งาม ๆ ตามมาอีกพอสมควร
สาเหตุรวม ๆ เหล่านี้ ทำให้สุดท้ายนักเตะรายนี้ยังอยู่กับทีมต่อในท้ายที่สุด
คุ้มหรือไม่?
จากสถิติต่าง ๆ ในสนาม ก็ต้องบอกว่าการต่อสัญญารั้งเอ็มบัปเป้รอบนี้ มีโอกาสที่จะคุ้มมากกว่าไม่คุ้ม นี่คือนักเตะที่สำคัญมาก ๆ ในสนามของเปแอสเชแบบที่ไร้ข้อกังขา ส่วนนอกสนามเขาคือนักเตะที่ยิ่งโตแบรนด์ยิ่งใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ ชื่อของเขาขายได้
เช่น ในเกมฟีฟ่า นี่คือนักเตะที่ขึ้นหน้าปก 3 ภาคติดต่อกันแล้ว เป็นคนแรกนับตั้งแต่ที่ลิโอเนล เมสซี่ เคยขึ้นหน้าปกติดต่อกันหลายปี
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเอ็มบัปเป้เปลี่ยนไปเยอะ หลังจากกลายเป็นนักเตะที่มีค่าเหนื่อยแพงที่สุดในโลกตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ นั่นทำให้เขาต่างไปจากเดิมมาก
โดยเฉพาะทัศนคติในการเล่นที่จากเดิมพร้อมเล่นเพื่อทีม แต่ดูเหมือนตอนนี้เขาเล่นเพื่อตัวเองมากขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาคือยอดนักเตะจริง ๆ
หรืออาจจะพยายามที่จะเล่นเพื่อตัวเองมากขึ้น เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคือเบอร์ 1 ของโลก หรืออย่างน้อย ๆ เขาก็คือนักเตะที่เก่งที่สุดในเปแอสเช เหนือ ลีโอเนล เมสซี่ เพื่อนร่วมทีมของเขาให้ได้
สำหรับการเป็นนักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยแพงที่สุดในโลก ก็มีทั้งมุมเหมาะสมและไม่เหมาะสมเช่นกัน ถ้าเขายังไม่ปรับทัศนคติ สุดท้ายเขาก็อาจจะกลายเป็นตัวปัญหาก็ได้
อย่างไรก็ตาม ถ้ามองในปัจจุบัน เอ็มบัปเป้ก็ยิงไปถึง 19 ประตูในฤดูกาลปัจจุบัน จากการลงสนาม 20 นัด นี่คือสถิติอันยอดเยี่ยม และบอกได้เต็มปากว่าคู่ควรกับสัญญาราคาแพงฉบับใหม่ของเขา
นอกจากนี้ แม้ว่าเอ็มบัปเป้จะได้สิทธิพิเศษมากมาย ทั้งกับเปแอสเช และกับทีมชาติฝรั่งเศส เขามีสิทธิ์ที่จะเล่นเห็นแก่ตัวได้มากกว่าคนอื่น แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือมันไม่กระทบกับผลงานของเอ็มบัปเป้เลย เขาเป็นนักเตะที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดกับทั้งปารีสฯ และทีมชาติฝรั่งเศส เหมือนกับว่าจะไม่มีนักเตะคนไหนมาหยุดความร้อนแรงของเขาได้อีกต่อไป
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า เส้นทางของเอ็มบัปเป้จะเดินไปทางไหน หลังรับสัญญาฉบับที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา และทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่มีรายรับจากสโมสรฟุตบอลมากที่สุดในโลก