30 วัน 30 ทีม : เดนเวอร์ นักเก็ตส์ คนเดียวหัวหาย 3 คน หมายตาถึงแชมป์

Author Photo
jamal murray nikola jokic denver nuggets
Getty Images

การกลับมาของ จามาล เมอร์เรย์ และ ไมเคิล พอร์เตอร์ จูเนียร์ จะช่วยให้ นิโกล่า โยคิช สมหวังด้วยการคว้าแชมป์กับ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ หรือไม่ 

ผลงานฤดูกาลที่แล้ว ชนะ 48 แพ้ 34 เกม

ผู้เล่นหลักหน้าใหม่ : คอนทาเวียส คัลด์เวลล์-โป๊ป, อิช สมิธ, ดีอันเดร จอร์แดน, บรูซ บราวน์ และ คริสเตียน เบราน์

ผู้เล่นหลักที่เสียไป : มอนเต้ มอร์ริส, วิลล์ บาร์ตัน, จาไมชาล กรีน, ออสติน ริเวอร์ส, ทิม คอนเนลลี่ (ผู้จัดการทีมทั่วไป)

บทสรุปฤดูกาลที่ผ่านมา: ฤดูกาล 2021-2022 นับเป็นซีซั่นที่นักเก็ตส์ทำผลงานได้แย่ที่สุดในรอบ 4 ปี พวกเขาไม่ผ่านรอบแรกของเพลย์ออฟหลังจากแพ้ให้กับโกลเด้น สเตท วอริเออร์ส แต่ก็ต้องยอมรับว่าสภาพทีมพวกเขาไม่สมบูรณ์เพราะขาดผู้เล่นมือ 2 และ 3 ของทีม โดยไม่มี จามาล เมอร์เรย์ การ์ดตัวเก่ง ที่พักยาวมาตั้งแต่ปลายซีซั่น 2019-2020 และ ไมเคิล พอร์เตอร์ จูเนียร์ ฟอร์เวิร์ดดาวรุ่งที่กำลังจะเริ่มเปล่งประกายก็มาเจ็บหนักหลังลงช่วยทีมไปแค่ 9 เกมเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา 

แม้ว่าพวกเขาจะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บยาวมาทั้งคู่ โดยเฉพาะ เมอร์เรย์ ที่น่าจะสนิมจับไม่น้อยหลังหายหน้าหายตาไปราวๆปีครึ่ง แต่การได้พระรองตัวจริงของทีมกลับมาในซีซั่นนี้เป็นสิ่งที่ทำให้นักเก็ตส์ คงจะใจชื้นขึ้นมา เพราะอย่าลืมว่าสองคนนี้คือตัวสกอร์ระดับ 20.0 แต้มต่อเกม ก่อนจะได้รับบาดเจ็บ

บทสรุปช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา: หลังภารกิจใหญ่ในการต่อสัญญากับ นิโกลา โยคิช จบลง ทีมก็เดินหน้าเสริมทัพเพื่อเสริมศักยภาพด้วยการเทรด คอนทาเวียส คัลด์เวลล์-โป๊ป และ อิช สมิธ มาจาก วอชิงตัน วิซาร์ดส์ ดูเผินๆเหมือนจะเป็นเทรดกลางๆ เมื่อเสียทั้ง มอนเต้ มอร์ริส และ วิล บาร์ตัน ออกจากทีมไป แต่ ประสบการณ์ระดับเคยคว้าแชมป์ของ เคซีพี ดูจะเป็นสิ่งที่ทีมต้องการไว้สำหรับลุยรอบเพลย์ออฟมากกว่า

และความสารพันประโยชน์ ของ อดีตการ์ดเลเกอร์สรายนี้น่าจะช่วยให้ ไมเคิล มาโลน ง่ายขึ้นเมื่อต้องการปรับกลยุทธ์การเล่นของทีม

นอกจากนั้นยังมีคีย์สำคัญที่เรามองว่ามีส่วนในการลุ้นแชมป์ของ นักเก็ตส์ ดังต่อไปนี้

ฟอร์มการเล่นของเมอร์เรย์ และ พอร์เตอร์ จูเนียร์

แม้ว่าการกลับมาของทั้งสองคนจะช่วยให้ไลน์อัพของทีมดูแน่นขึ้นอย่างมาก แต่ทีมจะสามารถสร้างจังหวะและเวลาที่เหมาะสมให้พวกเขาคืนฟอร์มได้ดีแค่ไหน

การรื้อฟืนฟอร์มการเล่นเก่าๆหลังจากพักเกมการแข่งขันไปนานคือความท้าทายของทีมโดยรวม ทั้งโค้ช และ เพื่อนร่วมทีมต่างต้องพยายามช่วยผลักดันให้ผู้เล่นเหล่านี้จับจังหวะของตัวเองให้เจอ เรียกความมั่นใจกลับมา แต่ที่สำคัญที่สุดต้องไม่ทำให้กระทบกับฟอร์มการเล่นของทีมอีกด้วย เพราะถ้าหากทีมที่ดีอยู่แล้วเกิดผลงานตกลงมา คำถามต่างๆจะพุ่งเป้าไปยังกลุ่มผู้เล่นเหล่านี้ทันที และนั่นจะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของพวกเขาอย่างมาก ไหนจะต้องคอยระวังอาการบาดเจ็บซ้ำอีก

อย่างไรก็ดีถ้านักเก็ตส์มองไปถึงตำแหน่งแชมป์ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องลองเอาฟอร์มระดับ 21.2 แต้มต่อเกม และชู้ตสามคะแนนระดับ 40.8% ของเมอร์เรย์ เมื่อปี 2020-2021 และ 19 แต้มต่อเกม และชู้ตสามคะแนนระดับ 44.5% ของพอร์เตอร์ จูเนียร์ กลับมาให้ได้หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงเดิมมากที่สุด เพราะฤดูกาลที่แล้วตัวทำแต้มมือสองของทีมคือ อารอน กอร์กอน ซึ่งทำเฉลี่ยแค่ 15 แต้มต่อเกม ส่วน บาร์ตัน กับ มอร์ริส ก็ย้ายทีมไปแล้ว จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครจะงานหนักในการแบกเกมบุก หากตัวความหวังทั้งสองคนไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งคืนกลับมาได้

เกมป้องกันจาก 2 ผู้เล่นใหม่ เคซีพี และ บรูซ บราวน์  

แม้ว่าเกมบุกอาจจะดูเป็นเรื่องน่ากังวล แต่ตลอด 5 ฤดูกาลหลังสุด นักเก็ตส์ มีประสิทธิภาพเกมบุกเฉลี่ยอยู่ที่ 113.2 แต้ม ต่อ 100 การครองบอลดีที่สุดของลีก ถ้าไม่เกิดเรื่องคอขาดบาดตายกับ โยคิช พวกเขาคงไม่หล่นพรวดลงไปเกินท็อป 10 ของทีมบุกในซีซั่นอย่างแน่นอน

แต่ถ้าพวกเขาจะไปให้ถึงแชมป์อาจจต้องยกระดับเกมป้องกันระดับกลางๆของลีก ให้ก้าวขึ้นมาอยู่ติดท็อป 10 ให้ได้เป็นอย่างน้อย โดยในปี 2020 พวกเขามีเรตติ้งเกมป้องกันอันดับ 16, ปี 2021 อยู่อันดับ 12 และ ล่าสุดอยู่อันดับ 15 ถึงแม้ว่าจะดูแกว่งในวงแคบแต่มันเหมือนว่าพวกเขาวนอยู่ในอ่างกับศักยภาพเกมป้องกัน แต่สิ่งที่น่ากลัวคือตัวเลขในรอบเพลย์ออฟปีล่าสุดพวกเขาเสียมากถึง 121.9 แต้มต่อ 100 การครองบอล สถิติเกมรับห่วยแตกที่สุดในบรรดาทีมที่เข้าเพลย์ออฟ

การเติมบราวน์ และ เคซีพี เข้ามาถือเป็นการท้าทายโจทย์เรื่องนี้ของทีม เพราะทั้งคู่เป็นผู้เล่นที่โดดเด่นในฐานะกลุ่มทรีแอนด์ดี เช่นเดียวกับ โบนส์ ไฮแลนด์ การ์ดดาวรุ่งของทีมที่พัฒนาเรื่องเกมป้องกันขึ้นมาเรื่อยๆจนวางใจได้พอสมควร

เท่ากับว่าตำแหน่งการ์ดของทีมตอนนี้พร้อมมากพวกเขามีออปชั่นของกลุ่มผู้เล่นเน้นเกมบุก หรือ เน้นเกมป้องกันให้เลือกใช้งานได้เต็มรูปแบบ ทีนี้ขึ้นอยู่กับว่า 2 ผู้เล่นที่มาใหม่จะสามารถทำให้การป้องกันของทีมแกร่งกว่าเดิมได้ตามที่ทีมคาดหวังหรือไม่

ลดเทิร์นโอเวอร์

ปัจจัยสุดท้ายที่ นักเก็ตส์ จะต้องเร่งแก้ไขคือการเสียเทิร์นโอเวอร์ ที่สูงเป็นอันดับ 5 ของลีก ฤดูกาลที่ผ่านมาพวกเขาเสียมากถึง 14.5 ครั้งต่อเกม และคิดเป็น 13.2 ครั้งต่อ 100 การครองบอล ทั้งๆที่พวกเขาเป็นทีมเล่นด้วยความเร็วอันดับ 19 ของลีกเท่านั้น ซึ่งแปลกมากกับการที่ทีมซึ่งไม่ได้เล่นเร็วแต่เสียเทิร์นโอเวอร์เป็นปริมาณมากขนาดนี้

เทียบกับปี 2020 ที่พวกเขาเข้าถึงรอบชิงแชมป์สายตะวันตก ทีมเสียเทิร์นโอเวอร์แค่ 13.8 ครั้งต่อเกม และคิดเป็น 12.3 ครั้งต่อ 100 การครองบอล ส่วนต่างเล็กๆน้อยๆนี้บ่งชี้ให้เห็นถึงปัญหาบางอย่างที่ซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความนิ่งของทีมที่ลดลงในเกมบุก และส่วนสำคัญคือการขาดตัวถือบอลหรือรันเพลย์ที่วางใจได้ เพราะส่วนใหญ่การปั้นเกมจะไปขึ้นอยู่กับ โยคิช ซึ่งปีก่อนเสียเทิร์นโอเวอร์คนเดียว 3.8 ครั้งต่อเกม

เรื่องเทิร์นโอเวอร์อาจเป็นสิ่งที่ทั้งทีมต้องหารร่วมกัน ช่วยกันรัดกุมมากขึ้น ตัดสินใจให้เด็ดขาดและสื่อสารกันให้ดี และอาจต้องหาคนมาช่วยถือบอลในการเพิ่มทางเลือกสำหรับสร้างเพลย์ที่ไม่ได้ไปกระจุกกับโยคิชคนเดียว ยังไงเซ็นเตอร์เอ็มวีพีรายนี้ก็สามารถสร้างการจ่ายงามๆ โดยไม่จำเป็นต้องเอาบอลไว้กับตัวนานได้อยู่แล้ว

บทสรุปสำหรับทีมเดนเวอร์ นักเก็ตส์

พวกเขามีผู้เล่นที่ถูกยกให้เป็น 1 ในสตาร์ที่เก่งที่สุดของลีกอยู่ในทีม คุณภาพเกมบุกเป็นสิ่งที่ทีมอาจไม่ต้องกังวลมากนัก แต่เกมรับอาจยังลุ้นและคาดหวังจากทั้งผู้เล่นการวางแผนแบบใหม่ๆจากโค้ชมาโลน และการกลับมาของ 2 สตาร์ตัวหลักทั้ง เมอร์เรย์ และ พอร์เตอร์ จูเนียร์ คือสิ่งที่น่าจะช่วยยกระดับให้พวกเขากลับไปลุ้นเข้าชิงแชมป์สายได้อีกครั้งเป็นอย่างน้อย แต่เป้าหมายของนักเก็ตส์ คงไม่ใช่แค่นั้นแน่ๆ

ผู้แต่ง
Author Photo
NBA Lover
LATEST VIDEOS